ชำระค่าโดยสาร “บีทีเอส” ผ่าน แรบบิท – ไลน์เพย์

ชำระค่าโดยสาร “บีทีเอส” ผ่าน แรบบิท – ไลน์เพย์

 

แรบบิทไลน์เพย์ จับมือบัตรแรบบิท พัฒนาบริการชำระค่าโดยสาร บีทีเอสผ่าน แรบบิทไลน์เพย์

แรบบิท ไลน์เพย์ จับมือ บัตรแรบบิท ลุยบริการชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ผ่าน แรบบิท ไลน์เพย์ เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร ตอบรับกระแสสังคมไร้เงินสด เพียงผูกบัตรแรบบิทเข้ากับบริการแรบบิท ไลน์เพย์ ตั้งแต่วันนี้

มร.จิน วู ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรบบิท ไลน์เพย์ จำกัด เปิดเผยว่า  สำหรับการจัดงานในวันนี้ถือว่าเป็นการ Soft Launch เปิดตัวบริการชำระค่าโดยสาร บีทีเอสผ่านแรบบิท ไลน์เพย์  โดยแรบบิท ไลน์เพย์ ผู้นำด้านบริการโมบายล์เพย์เมนท์จับมือบัตรแรบบิท และบีทีเอส พัฒนาร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ที่สามารถทำได้เองผ่านมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงิน ซื้อเที่ยวเดินทาง เช็คยอดเงินคงเหลือ และแสดงประวัติการเดินทาง พร้อมทั้งเลือกวิธีการชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง  ด้วยการตัดค่าโดยสารจากเงินใน e-wallet ของแรบบิท – ไลน์เพย์ หรือตัดจากบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตของผู้ใช้บริการที่ผูกไว้ กับแรบบิท – ไลน์เพย์ นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนสำหรับการหักค่าโดยสาร หรือการซื้อเที่ยวเดินทางบีทีเอสผ่านทาง LINE รวมถึงการแจ้งเตือนกรณีเงินคงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระค่าโดยสารบีทีเอส ซึ่งสร้างความมั่นใจ โปร่งใส และตรวจสอบได้ พร้อมกับเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ

ปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2561 จำนวนผู้ใช้บริการแรบบิท – ไลน์เพย์ อยู่ที่ 5 ล้านคน อัตราการเติบโตของผู้ใช้สูงถึง 50% ในเวลาไม่ถึง 6 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนร้านค้าที่รับชำระด้วยแรบบิท – ไลน์เพย์มากกว่า 50,000 แห่งทั่วประเทศ  และมีแผนการขยายให้ถึง 60,000 ร้านค้า ภายในสิ้นปี 2561

“ปัจจุบันทางแรบบิท – ไลน์เพย์ ได้เปิดให้บริการผูกบัตรแรบบิท กับบริการแรบบิท – ไลน์เพย์ ทั้งสิ้น 20 บูธ บนสถานี BTS 15 สถานี (ให้บริการจนถึง 30 พ.ย. 2561) ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้บริการจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้บริการของลูกค้า วันนี้ลูกค้าสามารถผูกใช้บริการได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วบนสถานีบีทีเอสทุกสถานีได้อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งเราตั้งเป้าจำนวนบัตรที่ผูกใช้บริการ ทั้งสิ้น 500,000 ใบ ภายในสิ้นปี 2561”

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารบีทีเอสแล้ว ยังถือว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น cashless society ให้คนไทยก้าวสู่ยุค Thailand 4.0 และมุ่งปั้นแรบบิท – ไลน์เพย์ ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินทางมือถืออันดับ 1 ในประเทศไทย

สำหรับแผนพัฒนาเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการในปีหน้า (ไตรมาส 1/2562) ต่อไปนั้น จะสามารถขยายขอบเขตให้บริการกับบัตรร่วมธนาคารกรุงเทพได้ รวมถึงจะขยายการผูกบัตรแรบบิทกับแรบบิท – ไลน์เพย์ มากกว่า 1 ใบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าผู้ใช้บริการกลุ่มครอบครัวเป็นต้น  นอกจากนี้มีแผนที่จะพัฒนาระบบกับร้านค้าที่รับชำระด้วยบัตรแรบบิทในปัจจุบัน และร้านค้าในอนาคตให้สามารถรับชำระด้วยแรบบิท – ไลน์เพย์ ผ่านการแตะบัตรแรบบิทที่ผูกใช้บริการ รวมถึงแผนการขยายการเติมเงินเข้า e-wallet ของแรบบิท – ไลน์เพย์ ผ่านการแตะบัตรแรบบิทที่ผูกใช้บริการ ได้ตามจุดเติมเงินต่างๆ เช่น ห้องจำหน่ายตั๋วบนสถานีบีทีเอส, ร้าน McDonald's, Kerry Express เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการที่นิยมการแตะบัตร แทนการใช้ MyCode ของ แรบบิท-ไลน์เพย์

ทางด้านผู้ให้บริการบัตรแรบบิท  นางสาวรัชนี แสนศิลป์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเต็ม จำกัด เพิ่มเติมว่า “บัตรแรบบิทเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2555 โดยเริ่มจากการเป็นบัตรโดยสารบีทีเอส มาจนถึงปัจจุบันมีผู้ถือบัตรแรบบิทมากกว่า 10 ล้านใบ และบัตรแรบบิทยังสามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าต่างๆได้อีกด้วย  และด้วยจำนวนผู้ถือบัตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้แรบบิทไม่ได้นิ่งนอนใจในการพัฒนาระบบและนวัตกรรมต่างๆ ล่าสุดจึงได้จับมือกับแรบบิท – ไลน์เพย์ พัฒนาระบบการชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรแรบบิท อีกทั้งยังเป็นการผลักดันให้สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นอีกด้วย” 

นายสุรพงษ์  เลาหะอัญญา  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่  ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ในวันนี้ มีบริการใหม่ ที่จะทำให้ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสได้รับความสะดวกสบายในการชำระค่าโดยสารทั้งเติมเงิน และเติมเที่ยวเดินทางเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถตรวจสอบประวัติการเดินทางด้วยตัวเองผ่านแอพในครั้งนี้ ทั้งนี้ขอบคุณแรบบิทไลน์เพย์ และบัตรแรบบิท ที่เพิ่มการบริการดังกล่าวฯ มาให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส และเชื่อมั่นว่าทั้งสองจะร่วมกันพัฒนาบริการในด้านอื่นๆ เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้รับความสะดวกสบายอย่างที่สุดต่อไป