อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ ..... สะดวก ปลอดภัย

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟ ..... สะดวก ปลอดภัย

การเลือกใช้ภาชนะให้เหมาะสมกับเตาไมโครเวฟ ควรเลือกภาชนะที่ทำจากแก้วหรือเซรามิคแก้ว และควรหลีกการเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติก อะลูมิเนียมฟอยล์

 

พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ในขณะเดียวกันต้องไม่เสียเวลาในการเตรียมหรือปรุงอาหารมากจนเกินไป "เตาไมโครเวฟ" จึงเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องประหยัดเวลาและปลอดภัย แต่อาจจะมีผู้บริโภคบางท่านที่ยังมีความกังกลถึงการรับประทานที่ปรุงหรืออุ่นโดยอาศัยความร้อนจากเตาไมโครเวฟ โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าอาหารที่ปรุงหรืออุ่นด้วยเตาไมโครเวฟเป็นอาหารที่อันตรายเพราะมีกัมมันตภาพรังสี (radioactive) จากการใช้เตาไมโครเวฟ

ในเรื่องนี้ผมเคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเตาอบไมโครเวฟมาบ้างแล้ว จึงขอนำมาย้ำให้ทราบกันอีกครั้งว่า ความร้อนที่เกิดจากเตาอบไมโครเวฟ เกิดจากการทำงานคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งเป็นพลังงานคลื่นความถี่วิทยุชนิดหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมาจากแหล่งกำเนิดภายในเตาอบวิ่งผ่านเข้าไปในอาหารและเข้าไปทำให้โมเลกุลน้ำในอาหารสั่นไปมา การเสียดสีระหว่างโมเลกุลของน้ำในอาหาร ทำให้อุณหภูมิของอาหารสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนอาหารร้อนหรือสุก ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคมั่นใจได้เลยว่าอาหารที่ปรุงหรืออุ่นด้วยเตาไมโครเวฟจะไม่มีสารกัมมันตภาพรังสีอย่างแน่นอน

 

นอกจากนี้ หลายคนมีคำถามถึงการเลือกซื้อเตาไมโครเวฟ ซึ่งตามปกติแล้วเตาไมโครเวฟที่ได้มาตรฐาน มีเครื่องหมาย มอก. จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จะมีความปลอดภัย คลื่นความร้อนที่ออกมาจากเตาอบไมโครเวฟ เป็นรังสีชนิดอนุภาคที่ไม่แตกตัว ไม่ทำให้โมเลกุลของสารเปลี่ยน และไม่มีผลตกค้างจึงไม่มีอันตราย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคก็ควรศึกษาข้อแนะนำในการใช้เตาไมโครเวฟโดยละเอียดเพื่อการใช้อย่างถูกวิธี

 

ขอแนะนำว่าเตาไมโครเวฟที่ใช้งานมาแล้วระยะหนึ่ง ต้องหมั่นสังเกตสภาพของเตา อาทิ วัสดุที่ห่อหุ้มภายในเตาต้องยังอยู่ในสภาพดี ช่วยป้องกันการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งตามเกณฑ์มาตรฐานมอก. การรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟ ต้องไม่เกินกว่าระดับที่มาตรฐาน มอก. กำหนด โดยวัดระยะ 5 เซ็นติเมตรจากผิวเตารั่วได้ไม่เกิน 5 มิลลิวัตต์ต่อตารางเซ็นติเมตร ซึ่งเป็นค่าต่ำกว่าระดับที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อันตรายที่มักเกิดขึ้นจากเตาไมโครเวฟ เนื่องจากเตามีสภาพเก่ามาก วัสดุเคลือบลอก เป็นสนิมผุ ฝาประตูปิดไม่สนิท หรือกระจกแตกที่อาจทำให้มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารั่วออกมาได้

 

  ข้อกังวลอีกประการหนึ่งของผู้บริโภค คือ อาหารที่ปรุงหรืออุ่นด้วยเตาไมโครเวฟมีสารอาหารที่น้อยกว่าการปรุงด้วยเตาความร้อนธรรมดา ผมจึงอยากจะให้ข้อมูลว่าการใช้เตาไมโครเวฟเพื่อการปรุงอาหารนั้น ถือว่าเป็นวิธีการปรุงอาหารอีกวิธีหนึ่งที่รักษาสารอาหารได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับการต้ม นึ่ง ย่าง ทอด เพราะการใช้เตาไมโครเวฟเป็นการปรุงอาหารที่ใช้เวลาสั้น ขณะที่การใช้คลื่นไมโครเวฟในการลวกอาหารมีประสิทธิภาพในการรักษาวิตามินต่างๆที่ละลายน้ำได้ เช่น กรดฟอลิก ไทอามิน และไรโบฟลาวินได้ดีกว่าลวกในน้ำเดือดถึง 3-4 เท่า ยกเว้นกรณีของวิตามินซีที่จะสูญเสียมากกว่าการลวกด้วยน้ำเดือด ส่วนกรณีที่ใช้เตาไมโครเวฟต้มอาหารจนสุกที่อุณหภูมิสูงเกินกว่า 100 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงได้มากกว่าอุณหภูมิการต้มน้ำโดยปกติ จะทำให้วิตามินบี 12 เสียสภาพได้

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังที่ต้องย้ำกันอยู่เสมอๆ ในการใช้เตาไมโครเวฟ คือ การเลือกใช้ภาชนะให้เหมาะสมกับเตาไมโครเวฟ ควรเลือกภาชนะที่ทำจากแก้วหรือเซรามิคแก้ว และควรหลีกการเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติกแม้จะระบุว่าปลอดภัยในการใช้กับเตาไมโครเวฟ ไม่ใช้พลาสติกห่ออาหารในการปรุงหรืออุ่นอาหารในตู้อบไมโครเวฟ ไม่ใช้ภาชนะที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียม หรือประเภทของอะลูมิเนียมฟอยล์ที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ต้องมีลักษณะผิวเรียบ ไม่มีมุมแหลม เพราะอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ถูกทำให้มีรอยพับ มุมแหลม จะก่อให้เกิดประกายไฟในไมโครเวฟ และก่อให้เกิดความร้อนมากจนเกินไปได้ ดังนั้น การใช้เตาไมโครเวฟในการปรุงหรืออุ่นอาหารที่ถูกวิธีจึงมีความปลอดภัยและสะดวกรวดเร็ว เหมาะกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน./

โดย.... ผศ.ดร.อนุเทพ ภาสุระ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา