ยกเครื่องเมนูอาหารเช้านานาชาติรังสรรค์ใหม่

ยกเครื่องเมนูอาหารเช้านานาชาติรังสรรค์ใหม่

พลิกโฉมดีไซน์ Packaging รักษ์โลก เพิ่มคุณค่าอาหารออริจินัล ชูไฟล์ทอินเดียเป็นต้นแบบ

สายการบินไทยสมายล์ก้าวสู่ปีที่ 7 อย่างแข็งแกร่งด้วยแผนการพัฒนาบริการมุ่งเน้นความใส่ใจทุกรายละเอียดและปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์แบบขึ้นเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้โดยสารคนสำคัญ โดยปรับเปลี่ยนเมนูอาหารว่างอุ่นร้อนสำหรับมื้อเช้า (Hot Snack) ใหม่ทั้งหมดสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ด้วยรูปแบบอาหารนานาชาติมากถึง 24 เมนู อีกทั้งยังมีเมนูสำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ-นราธิวาส และเชียงใหม่-ภูเก็ต อีก 22 เมนู และเมนูจัดหนักสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศระยะสั้นอีกกว่า 22เมนู เตรียมให้บริการผู้โดยสารตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป พร้อมทั้งปฏิวัติการบริการระดับพรีเมี่ยมด้วยเมนูอาหารต้นตำรับที่ผ่านการรังสรรค์จากกูรูผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ใหม่จากกระดาษ ลดการใช้พลาสติกลง ปรับลูกเล่นดีไซน์กล่องให้เป็นถาด ช่วยประหยัดพื้นที่ โดยจะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ 16 กันยายนนี้ สำหรับเที่ยวบินอินเดีย ตอกย้ำแนวคิดองค์กรในการมุ่งสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่า เกินความคาดหมาย และสร้างความพึงพอใจสูงสุด

นางเนตรนภางค์ ธีระวาส ประธานเจ้าหน้าที่สายการบริการลูกค้า สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริการบนเครื่องบิน (Inflight Service) ครั้งยิ่งใหญ่นี้เพื่อฉลองในโอกาสที่ไทยสมายล์ก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 ของการให้บริการด้วยรอยยิ้ม และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสารอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยการยกทัพปรับเมนูอาหารว่างอุ่นร้อนสำหรับมื้อเช้าหรือ Hot Snack ใหม่ทั้งหมด และเปลี่ยนให้เป็นเมนูอาหารนานาชาติที่หลากหลาย โดยเริ่มปรับเปลี่ยนเมนูอาหารมื้อเช้า สำหรับเที่ยวบินก่อนเวลา 9.30 นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป

สำหรับเมนูอาหารว่างอุ่นร้อนที่ให้บริการกับผู้โดยสาร ชั้น Smile Class (ชั้นประหยัด)บนเที่ยวบินภายในประเทศนั้นจะถูกนำเสนอด้วยดีไซน์เมนูใหม่แกะกล่อง เปลี่ยนให้มีความสนุกมากขึ้นด้วยรูปลักษณ์สไตล์ฟิวชั่น โดยยังคงเอกลักษณ์และรสชาติความเป็นต้นตำรับ (LocalDish) ของอาหารแต่ละชาติไว้เป็นอย่างดี โดยเมนูสร้างสรรค์ใหม่รวม 24 เมนูนั้น ประกอบด้วย อาหารญี่ปุ่น เช่น เมนูยากิอิโมะ มันเทศหรือมันม่วงเผาแบบฉบับญี่ปุ่น ทามาโกยากิ ชีส หรือไข่หวานชีส และโอโคโนมิยากิ กูชิ ตลอดจนอาหารเกาหลี อย่าง ข้าวผัดกิมจิไก่ รวมทั้งอาหารตะวันตก เช่น สปาเกตตี้ครีมเห็ด และอาหารไทยอย่าง วุ้นเส้นผัดฟักแม้ว ทั้งยังมีอาหารจีนเสิร์ฟอีกด้วย โดยทุกเมนูผลิตด้วยวัตถุดิบที่ผู้โดยสารมุสลิมสามารถทานได้ โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเสิร์ฟตลอดทั้งปี

นอกเหนือจากนี้ ยังเพิ่มเติมเมนูอาหารสำหรับเส้นทางกรุงเทพฯ-นราธิวาส และ เชียงใหม่-ภูเก็ต อีก 22เมนู เช่น เมนู สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาไก่ ข้าวผัดกะเพราไก่ ที่มีการปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น เหมาะกับความคุ้นชินของผู้โดยสารคนไทย เป็นต้น สำหรับเมนูหลัง 9:30 น. ไทยสมายล์ยังคงให้บริการแซนวิชเช่นเดิม เพิ่มเติมคือสีสันและคุณภาพด้วยแป้งขนมปังหลากสี

จากวัตถุดิบธรรมชาติ สะท้อนหลักการสร้างสรรค์อาหารเพื่อสุขภาพผสมผสานฟิวชั่น นำเสนอในรูปแบบแฟชั่น ในขณะเดียวกันก็ยังคงยึดมั่นในการนำเสนอเมนูพิเศษ 11 เทศกาล พร้อมประสานความร่วมมือกับพันธมิตรด้วยดีตลอดมา เพื่อรังสรรค์ความแปลกใหม่ สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับผู้โดยสารเกินคาดหมายเช่นเดิม

ส่วนเส้นทางบินระหว่างประเทศในระยะทางสั้นเส้นทาง เสียมราฐ พนมเปญ หลวงพระบาง ย่างกุ้ง ได้ออกแบบเมนูอาหารใหม่ทั้งหมดรวม 22 เมนู ซึ่งเป็นเมนูอาหารนานาชาติที่มีความหลากหลาย อาทิ อาหารสไตล์ตะวันตก เช่น สปาเก็ตตี้ไก่ซอสมะเขือเทศโหระพา พายแซลมอน รวมถึงอาหารไทยขึ้นชื่อ เช่น ผัดไทไก่ เป็นต้น เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้โดยสารเหมือนเช่นเคย

ก่อนจะมาเป็นเมนูอาหารเสิร์ฟบนเครื่องบินนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องร่วมมือกับผู้ผลิตภายนอกที่มีมาตรฐานและมีความพร้อมด้านการวิจัยและพัฒนาสูตรอาหาร รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิตเพื่อให้ได้อาหารที่มีคุณภาพและถูกปากผู้โดยสารเหมือนรับประทานอยู่บนภาคพื้นมากที่สุดนั่นเอง”

ยิ่งไปกว่านั้น ไทยสมายล์ยังสร้างปรากฏการณ์ใหม่สำหรับการให้บริการบนเครื่องบิน ด้วยการพัฒนาและเพิ่มคุณค่าเมนูอาหารร้อนสำหรับเที่ยวบินอินเดีย โดยคัดสรรวัตถุดิบพรีเมี่ยมแล้วสื่อสารออกมาในรูปแบบ Original India ซึ่งได้ผู้ผลิตที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารอินเดียมาช่วยสร้างสรรค์ให้เกิดอาหารมังสวิรัติ (Vegetarian Jain Meal) ที่มีรสชาติดั้งเดิมถูกปากคนอินเดีย ทั้งยังปรับโฉมอาหารด้วยปริมาณเสิร์ฟที่มากขึ้น ควบคู่กับทางเลือกอาหารไทยกรุ่นกลิ่นเครื่องแกง อาทิ แกงเขียวหวานไก่ พะแนงไก่ พร้อมทั้งของหวานสไตล์อินเดียให้เลือกรับประทานอย่างจุใจ

ไม่เพียงแต่เรื่องเมนูอาหารเท่านั้น สายการบินไทยสมายล์ยังตอบสนองกระแส Go Green คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ทุกสายการบินให้ความสำคัญมากขึ้นในขณะนี้ จึงมุ่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน โดยหันมาใช้บรรจุภัณฑ์จากกระดาษทดแทนภาชนะพลาสติกให้มากที่สุด ซึ่งไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ Packaging รูปแบบใหม่ โดยเมื่อโหลดขึ้นเครื่องจะมีลักษณะเป็นกล่องแต่เมื่อเสิร์ฟถึงมือผู้โดยสาร กล่องจะถูกคลี่ออกกลายเป็นถาด พร้อมกันนั้นยังเปลี่ยนวัสดุที่ใช้อุ่นอาหารจากอะลูมิเนียมฟอยล์ให้เป็นกระดาษชนิดพิเศษ และยังเปลี่ยนถุงพลาสติกทิ้งขยะบนเครื่องให้เป็นวัสดุย่อยสลายได้ทั้งหมดอีกด้วย

นางเนตรนภางค์ กล่าวต่อว่า การปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่นี้จะเริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนนี้ ในเส้นทางบินอินเดียก่อน เนื่องจากไทยสมายล์คาดหวังว่าผู้โดยสารชาวอินเดียจะได้รับความประทับใจจากเมนูอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง ชื่นชอบในความใกล้เคียงความเป็นอินเดียและความคุ้นเคย อีกทั้งการปรับเปลี่ยนแพ็คเกจจิ้งเป็นกระดาษนั้น นอกจากจะสร้างความหวือหวาและตื่นเต้นได้แล้ว ยังสื่อถึงความตั้งใจจริงของสายการบินไทยสมายล์ในการลดใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังทำให้ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยลง ส่งผลถึงการบริหารจัดการพื้นที่บนเครื่องบินอย่างมี

ประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นช่องทางให้สามารถใช้พื้นที่เพื่อนำเสนอรูปแบบบริการอื่นเพิ่มเติมได้อีก และด้วยเทคโนโลยีด้านอาหารและบรรจุภัณฑ์ที่ก้าวหน้า ส่งผลให้สายการบินสามารถลดต้นทุนได้ ในขณะที่ผู้โดยสารยังได้รับการบริการด้วยของที่ดีและมีคุณภาพ ทั้งยังตั้งใจจะนำกรณีศึกษาอินเดีย เพื่อเดินหน้าขยายการพัฒนานี้ไปสู่เส้นทางบินระหว่างประเทศอื่นๆ ต่อไป

"ด้วยปณิธานของไทยสมายล์ที่่จะรักษามาตรฐานการให้บริการที่ยอดเยี่ยม และมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุกๆ Touch Point โดยพยายามสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าในทุกๆ เที่ยวบินของไทยสมายล์ให้ได้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงการให้บริการ Inflight Service ครั้งนี้ จึงช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทยสมายล์ ตอกย้ำความเป็นสายการบินให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส ความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ การเพิ่มคุณค่า และสร้างความแตกต่างเพื่อสร้างรอยยิ้มในทุกๆ เที่ยวบินได้อย่างชัดเจน โดยไทยสมายล์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสิ่งที่เป็นรูปธรรมอย่าง อาหารและส่วนประกอบอื่น ตลอดจนมาตรฐานการให้บริการของลูกเรือทุกคน พร้อมสรรหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ผู้โดยสารได้รับการบริการเกินกว่าที่คาดหวังให้ได้" นางเนตรนภางค์ กล่าวทิ้งท้าย