"แบรนด์ฟุตปริ้นท์ อวอร์ด 2018'

 "แบรนด์ฟุตปริ้นท์ อวอร์ด 2018'

รุกก้าวสำคัญของอ.ส.ค. ตอกย้ำ "นมวัวแดง"เป็น Top of  Mind ไม่ไกลเกินเอื้อม

 

องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)  ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเลี้ยงโคนมของประเทศไทยและเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค หรือ "นมวัวแดง"  เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับว่ามีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแรงและชัดเจนมาอย่างต่อเนื่อง  โดยมีจุดเด่นในการเป็นนมโคสดแท้100 % ไม่ผสมนมผงคงคุณค่าน้ำนมไว้ตามธรรมชาติ ปลอดภัย 100% มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งครองใจคนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 56 ปี ด้วยการพัฒนา วิจัย ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และโรงงานทั้ง 4 ภาค ทำให้ อ.ส.ค. พร้อมแข่งขันในอุตสาหกรรมนมทั้งในและประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้แผนรัฐวิสาหกิจระยะ 5ปี (2560-2664) ของ     อ.ส.ค. ได้วางเป้าหมายในการผลักดันนมไทย-เดนมาร์คก้าวสู่ "นมแห่งชาติ" หรือนมของคนไทยพร้อมกำหนดทำยอดขายให้ได้ 11,700 ล้านภายในปี 64

ที่ผ่านมา อ.ส.ค.ไม่เพียงการให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์การตลาด โดยเน้นการเข้าถึงและความใกล้ชิดกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้และยอมรับต่อผลิตภัณฑ์ "นมไทย-เดนมาร์ค นมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง" ถือเป็นหมัดเด็ดของ อ.ส.ค. ที่ทำให้นมไทย-เดนมาร์คครองใจตลาดอย่างยาวนาน  ปัจจุบัน อ.ส.ค. มีผลิตภัณฑ์จากนมครอบคลุมตั้งแต่ นม UHT    นมพาสเจอร์ไรส์  โยเกิร์ตพร้อมดื่มUHT นม Morganic (น้ำนมอินทรีย์)  ไอศกรีม  นมโรงเรียน  น้ำดื่มตราไทย-เดนมาร์ค  รวมไปถึงบริการด้านอื่นๆ เช่น  บริการด้านสัตวแพทย์ การผสมเทียม  การฝึกอบรม และการท่องเที่ยงเชิงเกษตร  

ดร.ณรงค์ฤทธิ์  วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)  กล่าวว่า  จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และรุกตลาดนมไทย-เดนมาร์คอย่างเข้มแข็งมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ส่งผลให้ บริษัท กันตาร์ เวิล์ดพาแนล (Kantar  Worldpanel) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ WPP ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกระดับโลก"แบรนด์ยอดนิยมประจำปี 2561 (Brand Footprint Award 2018)ได้จัดอันดับนมไทย-เดนมาร์คได้รางวัลประเภท Up And Comers หรือแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดในผู้บริโภคกลุ่มครอบครัว 

"ถือเป็นความภาคภูมิใจของ อ.ส.ค. ที่ได้รับการจัดอันดับสุดยอดแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดในผู้บริโภคกลุ่มครอบครัวหรือแบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภคครอบครัวสูงสุดของประเทศจากบริษัท วิจัยจัดอันดับโลกในครั้งนี้  ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับสภาวะการวางเป้าหมายทางการตลาดของ อ.ส.ค. ในปัจจุบันซึ่งมีฐานกลุ่มผู้บริโภคฐานเดิมเป็นรุ่นคุณพ่อคุณแม่อย่างแข็งแกร่งและครองใจมาอย่างยาวนานกว่า 56 ปีและทำให้อ.ส.คมั่นใจว่าวางเป้าหมายในการผลักดันนมไทย-เดนมาร์คเป็นTop of  Mind ภายในปี 64นั้นไม่ไกลเกินเอื้อม" " ดร.ณรงค์ฤทธิ์     กล่าว

สำหรับรางวัล"แบรนด์ฟุตปริ้นท์ อวอร์ด 2018' บริษัทฯ ได้ทำการวิจัยเก็บรวบรวมและวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่างที่ทำการซื้อเกี่ยวกับแบรนด์ยอดนิยมในประเทศไทยติดต่อกันปีนี้นับเป็นปีที่ 6 โดยการศึกษาวิจัยแบรนด์สินค้าในประเทศไทยนั้น   ได้ทำการศึกษาจากแบรนด์ต่างๆในไทยกว่า 547 แบรนด์และวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายกว่า 245 ล้านครั้งของนักช็อปชาวไทย โดยใช้ฐานวิจัยจากครัวเรือนไทย ให้ความสำคัญทั้งผู้บริโภคที่เป็นคนเมืองและเขตต่างจังหวัด ในจำนวนที่กว้างขวางที่สุด   

ทั้งนี้ บริษัท  กันตาร์ เวิล์ดพาแนลฯ ได้ทำการศึกษาและสรุปผลติดต่อกันมา ปีนี้นับเป็นปีที่ 6 แล้ว   โดยทำการศึกษาจากแบรนด์ต่างๆในไทยกว่า 547 แบรนด์ และวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายกว่า 245 ล้านครั้งของนักช็อปชาวไทยโดยใช้ฐานวิจัยจากครัวเรือนไทยให้ความสำคัญทั้งผู้บริโภคที่เป็นคนเมืองและเขตต่างจังหวัด ในจำนวนที่กว้างขวางที่สุดและในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้เป็นตัวแทนแสดงผลพฤติกรรมการซื้อของประชากรทั่วประเทศกว่า 24.7 ล้านครัวเรือน โดยวิธีการนั้นจะเก็บข้อมูลจาก"ตะกร้าสินค้า"ที่ผู้บริโภคทำการจับจ่ายจริงและนำมาวิเคราะห์ประมวลผลด้วยดัชนี CRP หรือConsumer Reach Point ซึ่งเป็นอัตราการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่ทำการพัฒนาขึ้นและเป็นเอกสิทธิเฉพาะของกันตาร์ เวิล์ดพาแนล

ดร.ณรงค์ฤทธิ์   กล่าวด้วยว่า   รางวัลดังกล่าวถือเป็นแรงจูงใจและแรงกระตุ้นสำคัญ  ในการทำให้ อ.ส.ค. เร่งพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ด้วยการเร่งปรับแผนขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคครบทุกวัยมากขึ้น จากปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มคุณพ่อคุณแม่ที่ซื้อผลิตภัณฑ์นมให้ลูกๆดื่ม เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักกว่า 50% อยู่แล้ว   ซึ่งอ.ส.ค.มีนโยบายในการขยายฐานการตลาดไปสู่กลุ่มเป้าหมายหลากหลายวัยมากขึ้น   จากรุ่นคุณพ่อคุณแม่ สู่รุ่นลูก และทุกคนในครอบครัว ควบคู่กับเร่งปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ทันสมัยได้มาตรฐาน และมีความหลากหลายมากขึ้น โดยที่ผ่านมา อ.ส.ค. ได้ทำตลาดนมพร้อมดื่มยูเอชทีร่วมกับบริษัท แมคไทย เพื่อจำหน่ายนมไทย-เดนมาร์คในกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นมีอายุตั้งแต่ 15-22 ปี    รวมทั้งได้ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในการวิจัยและพัฒนาในกลุ่มวิจัยต่างๆ เพื่อเพิ่มอำนาจในการแข่งขัน และผลักดันให้ อ.ส.ค. ก้าวสู่ผู้นำด้านอุตสาหกรรมนมได้อย่างเข้มแข็งและมั่นคงด้วยการเติมเต็มตลาดในประเทศให้ครบทุกวัย

สำหรับตลาดนมพร้อมดื่มปัจจุบันมีมูลค่า กว่า 5 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโต 3-5% อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการดื่มนมคนไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14 ลิตร/ คน/ปี ถือว่ายังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นการทำตลาดไทย-เดนมาร์ค เดินหน้าขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆมากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสการบริโภคผลิตภัณฑ์ ส่วนนมไทย-เดนมาร์คมีส่วนแบ่งตลาดนม ยูเอชที ในกลุ่ม General Milk เป็นอันดับ 1 ของตลาดกลุ่มนมยูเอชที โดยในปี 2561 นี้ อ.ส.ค. กำหนดยอดจำหน่ายโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9,560 ล้านบาท โดยปัจจุบัน อ.ส.ค. ถือได้ว่าทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว ประมาณ 95 %

ย่างก้าวที่สำคัญของอ.ส.ค.หลังจากนี้คือ  การงัดไม้เด็ดในการสร้างแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คให้เติบโตยิ่งขึ้น      ด้วยการการเติมเต็มความต้องการใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภค (New Needs)  นั้นคือการแตกไลน์สินค้าให้แปลกใหม่ และครอบคลุมทุกช่วงวัยและความต้องการ  เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นทำให้สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการของลูกค้าจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆตลอดจนสร้างโอกาสของผู้บริโภคกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นรสชาติ หรือรูปแบบสินค้าใหม่ๆ   ท้ายสุดคือการกระจายสินค้า ให้แบรนด์ปรากฏอยู่ในทุกๆที่เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักช้อปสามารถเลือกซื้อสินค้าได้มากยิ่งขึ้น   รวมทั้งนำกลยุทธ์ของแบรนด์ระดับโลกมาใช้คือ   การคิดค้นนวัตกรรมแตกสินค้าไลน์ใหม่ๆสื่อสารชัดเจน ตรงจุด ชูความเป็นพรีเมี่ยม    เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์นมไทย-เดนมาร์ค    ซึ่ง อ.ส.ค.มีแผนที่จะเปิดตัวโยเกิร์ตออร์แกนิคอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้โดยชูความเป็นแบรนด์พรีเมี่ยม ใช้ระบบการผลิตอินทรีย์ทุกขั้นตอนจากแหล่งผลิตที่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญของ อ.ส.ค. ที่ล้วนน่าจับตามอง