กลุ่มบริษัทไทยออโตทูลส์  จับมือ มทร.ธัญบุรี

กลุ่มบริษัทไทยออโตทูลส์  จับมือ มทร.ธัญบุรี

เติมประสบการณ์จริงให้อาจารย์ พร้อมปั้นบัณฑิตวิศวกรรมพันธุ์ใหม่ รองรับไทยแลนด์ 4.0 ตอบโจทย์อุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์

กลุ่มบริษัท ไทย ออโต ทูลส์ ฯ  ผู้นำการออกแบบและสร้างแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด อุปกรณ์ตรวจสอบ และชิ้นส่วนยานยนต์คุณภาพสูงในภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งถือหุ้นโดยคนไทย 100%  ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ถึงศักยภาพและคุณภาพด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงที่ทัดเทียมกับผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น  ได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรของประเทศ เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 การแข่งขันและการเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรวดเร็ว  จึงได้จับมือร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  ในการเร่งสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ สาขาวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ พร้อมเปิดโรงงานรับอาจารย์และนักศึกษา เข้าไปฝังตัวเรียนรู้และหาประสบการณ์จากการทำงานจริง

ดร. พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยออโตทูลส์  เปิดเผยว่า บริษัท ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี  เพื่อพัฒนาศักยภาพ ประสิทธิภาพในการผลิตบัณฑิตสาขาทางด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ และสาขาอื่นๆ  รวมถึงการวิจัยพัฒนา เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และบูรณาการในการผลิตบัณฑิตรุ่นใหม่ที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิตในยุค 4.0  รวมถึงการวิจัยและพัฒนา และสร้างนวัตกรรมใหม่ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีระยะเวลาความร่วมมือต่อเนื่อง  3 ปี   (พ.ศ.2561-2564)

"ภาคเอกชนมีความต้องการบุคลากร สาขาทางด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ หรือทางด้านหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ ค่อนข้างมาก และบุคลากรด้านนี้ยังขาดแคลนมาก  ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงการก้าวไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และการก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 การที่จะสามารถแข่งขันหรือมีเทคโนโลยีที่ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี และประเทศไต้หวัน  ได้ หัวใจสำคัญคือจะต้องเร่งพัฒนาบุคลากร   เชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ซึ่งต้องการองค์ความรู้มาต่อยอด กับมหาวิทยาลัยที่มีอาจารย์ที่มีความรู้ในเชิงทฤษฎีค่อนข้างสูง แต่ขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติงานจริงนี้   จะนำไปสู่การต่อยอด เกิดการวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดการผลิต การสร้างอุปกรณ์โดยใช้หุ่นยนต์ในต้นทุนที่ต่ำลงได้ แล้วก็เพิ่มในเรื่องของประสิทธิภาพได้ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบัณฑิตด้วย "  

 

ด้าน รศ.ดร. ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี    กล่าวว่าความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งเน้นให้เกิดผลใน 3 ส่วนหลักคือหนึ่ง การพัฒนาอาจารย์ ที่แม้ว่าจะมีความรู้ทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ แต่ก็ยังขาดประสบการณ์การทำงานจริง สองการพัฒนาคุณภาพนักศึกษาให้เป็นบัณฑิตพันธุ์ใหม่ โดยส่งเข้าไปฝึกงานจริง เพื่อจะได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านปฏิบัติ จบแล้วทำงานได้เลย  และสามมุ่งเน้นให้เกิดการทำวิจัยพัฒนาร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพต่อการผลิตมากขึ้น

"ไม่ว่าจะเป็นการสอนหรือการปรับปรุงหลักสูตรอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ  อาจารย์จะต้องสามารถทำงานเป็น เพราะถ้าอาจารย์เก่ง เด็กก็จะเก่ง อาจารย์มือเปื้อนเด็กก็มือเปื้อน อาจารย์ทำงานเป็น เด็กก็ทำงานเป็น การเรียนในสายปฏิบัตินั้น ถ้าอาจารย์นั้นทำงานไม่เป็น  ก็จะไม่สามารถจะถ่ายทอดการทำงานให้เด็กทำงานเป็นได้ อาจารย์จะไม่สามารถที่จะเข้าใจในเรื่องของแบบ  หรือเรื่องการออกแบบ เมื่อมาสอนก็ไม่สามารถที่จะสอนให้เด็กนั้นออกแบบที่ดีได้ เราจึงเน้นให้อาจารย์ ไปหาประสบการณ์จริงในโรงงานของเอกชนเลย   ส่วนการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่  คือ นอกจากพัฒนาให้นักศึกษาเป็นคนคิดเป็นทำเป็นแล้ว จะต้องอยู่พื้นฐานวิชาการที่ทันสมัย สามารถทำได้จริง และพัฒนาต่อยอดเป็นผู้ประกอบการได้ในอนาคต ดังนั้นการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญมาก เพราะ ทำให้ มหาวิทยาลัยได้พื้นที่การเรียนการสอนที่เป็นพื้นที่เสมือนจริง ของภาคอุตสาหกรรม เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการพัฒนาบัณฑิตพันธุ์ใหม่  และจะทำให้อาจารย์และนักศึกษา มีความเข้าใจกระบวนการผลิต โดยเฉพาะชิ้นส่วนยานยนต์  อย่างลึกซึ้ง"

ด้าน ดร. พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยออโตทูลส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า  "การที่มหาวิทยาลัยเห็นความสำคัญเรื่องนี้ เป็นจังหวะที่เหมาะที่สุดแล้ว ซึ่งบริษัทพร้อมให้อาจารย์มาฝังตัว หาประสบการณ์จริง เพราะหากนำความรู้ในภาคทฤษฎี มาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ ก็จะทำเทคโนโลยีชั้นสูงขึ้นได้ เกิดเป็นผลงาน และสร้างนวัตกรรมใหม่  สามารถจับต้องได้ นำไปขายได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ประเทศไทยก็จะพัฒนาทัดเทียมประเทศญี่ปุ่นได้ 10 ปี 20 ปี ขณะที่การพัฒนานักศึกษานั้น บริษัทก็จะเปิดโอกาสให้มาฝึกงานจริงให้นานถึง 1 ปี  ให้มีความเชี่ยวชาญ รู้ลึก รู้จริง โดยทีมวิศวกรของบริษัทยินดีถ่ายทอดความรู้ให้อย่างเต็มที่"