สกว.เผยผลการวิจัยพบ 7 จีนนิยม

สกว.เผยผลการวิจัยพบ 7 จีนนิยม

นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ,ผศ.สุภาวดีโพธิยะราช ผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัยมุ่งเป้า สกว.และดร.กรวรรณ  สังขกร หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันเปิดเผยถึงการสำรวจว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มตลาดใหญ่ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมหาศาล จากสถิติการท่องเที่ยวในปี พ.ศ. 2552 มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในไทย 0.77 ล้านคน

และในปีพ.ศ. 2559 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากถึง 8.3 ล้านคน โดยเฉพาะเห็นได้ชัดเจนหลังจากมีการฉายภาพยนตร์เรื่อง The Lost in Thailand ปลายปี พ.ศ. 2555 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด คาดการณ์ว่าในปี 2561 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศถึง 154 ล้านคน ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะ

การที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมมาเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการไทยตั้งรับนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาอย่างมหาศาลไม่ทัน นอกจากนี้คนในท้องถิ่นยังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทั้งในแง่บวกและลบจากนัดท่องเที่ยวจีนอีกด้วย  สถาบันวิจัยสังคมจึงได้รับมอบหมายจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ให้ศึกษาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดของนักท่องเที่ยวจีนเพื่อนำเสนอทางออก และหาแนวทางในการรองรับนักท่องเที่ยวจีนในพื้นที่ ซึ่งแผนงานวิจัยฯ ทำการศึกษา 2 ส่วน คือ ศึกษาตลาดนักท่องเที่ยวจีนต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย และ ศึกษาและพัฒนาระบบโลจิสติกส์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยและคนท้องถิ่น

ผลการสำรวจพบว่า จีนนิยม - 7 เรื่องไม่ลับเข้าใจนักท่องเที่ยวจีน ได้แก่

1 เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มักเห็น “ทัวร์จีน” เต็มไปหมด แต่จากผลการสำรวจกลับพบว่า นักท่องเที่ยวจีนร้อยละ 89.1 นั้น เดินทางมาเที่ยวด้วยตนเองทั้งสิ้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่เราเห็นกันส่วนใหญ่เกินครึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และระดับการศึกษานี่เองที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการท่องเที่ยวดังกล่าว คนกลุ่มนี้กล้าที่จะหาประสบการณ์ท่องเที่ยวใหม่ๆ

2 พีคสุดช่วงหยุดยาว จะ High Seasons หรือ Low Seasons ก็ไม่ได้มีผลมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ไม่ได้เที่ยวตามฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ช่วงที่พวกเขาเดินทางกันแบบพีคๆ คือช่วงเทศกาลตรุษจีนและวันชาติจีน อันเป็นวันหยุดต่อเนื่อง 7-10 วัน นั่นเอง จากสถิติยังพบอีกว่านักท่องเที่ยวจีนเกินครึ่งชอบอากาศหนาวฉ่ำมากกว่าร้อนและฝน

3 ทริปเขียวเที่ยวเพลิน จุดดึงดูดไม่ได้อยู่ที่แสงสี แต่แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เขียวชอุ่ม นี่สิที่นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบ โดยคิดเป็นร้อยละ 59.6 ก่อนตามมาด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และท่องเที่ยวบันเทิงยามราตรี ตามลำดับ อีกทั้งส่วนมากยังนิยมเดินทางมาเพื่อพักผ่อนคลาย ฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นหลักด้วย

4 หลงเสน่ห์โรงแรมบูติค โรงแรมขนาดกะทัดรัดกับบรรยากาศอันอบอวลด้วยกลิ่นอายของอาคารโบราณ พร้อมประดับประดาเครื่องใช้ไม้สอยสไตล์ย้อนยุค คือเสน่ห์ของ Boutique Hotel ที่นักท่องเที่ยวจีนร้อยละ 43.2 นิยมชมชอบเอามากๆ หากเจ้าของกิจการโรงแรมแนวนี้อยากให้ Booking แน่นเอี๊ยดด้วยนักท่องเที่ยวจีนก็อย่าลืมหันมาใส่ใจรายละเอียดในเรื่องของงานบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวจีนด้วย

5 เหลาไม่อิน ท้องถิ่นสิดี ร้อยละ 56.5 ของนักท่องเที่ยวจีน ฟินกับอาหารท้องถิ่นไม่ใช่อาหารเหลาหรูหรา แล้วที่ชื่นชอบมากๆ นั้นก็หนีไม่พ้นเมนูยอดฮิต อย่าง ต้มยำกุ้ง ผลไม้ตามฤดูกาล ผัดไทย อาหารทะเล ข้าวผัด ส้มตำ โดยเฉพาะ “ข้าวเหนียวมะม่วง” นั้น ถือเป็นเมนูเช็คอินประจำเมืองไทยของชาวจีน ถึงขนาดที่แม้ค้าตลาดนัดส่วนใหญ่แทบจะจำขึ้นได้ใจ “หมางกั่วๆ” หรือ “หมางกั่ว นั่วหมี่ฟั่น”

6 หิ้วของแห้ง ของฝากจากแดนไทยที่นักท่องเที่ยวจีนหอบหิ้วข้ามโพ้นทะเลกลับบ้าน ก็ยังคงเป็นหนึ่งในอาหารที่ถูกปากติดใจ อย่าง ผลไม้ตามฤดูกาล แต่จะให้หิ้วง่าย ได้ปริมาณมาก และเก็บไว้รับประทานได้นาน ก็ต้อง “ผลไม้อบแห้ง” ทั้งลำไยอบแห้ง มะม่วงอบแห้ง สับปะรดอบแห้ง ฯลฯ ซึ่งมีจำหน่ายแทบทุกที่ตั้งแต่ตลาดนัดยันซุปเปอร์มาร์เก็ต ช็อปของแห้งจนเหลือเฟือแล้วจึงเลือกซื้อเสื้อผ้า อุปกรณ์สปา เครื่องสำอางค์ ยา น้ำมันหอมระเหย เครื่องประดับ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ และกระเป๋า

7 นวดไทยชนะขาด เมื่อส่วนใหญ่ปักหมุดการเดินทางว่าจะมาเพื่อพักผ่อนคลาย ฟื้นฟูสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นหลัก “นวดแผนโบราณ” จึงกลายเป็นกิจกรรมที่ร้อยละ 75.5 ของนักท่องเที่ยวจีนไม่พลาด ตามมาด้วยกิจกรรมจับจ่ายซื้อของ ขี่ช้าง นวดสปา ชมคาบาเรต์ โหนสลิง และล่องแก่ง จะว่าไปแล้วกิจกรรมอื่นๆ ดูเหนื่อยหนักใช่ย่อย จึงไม่แปลกที่นวดแผนโบราณจะชนะขาดรอยในลิสต์กิจกรรมการท่องเที่ยว เพราะนวดช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ชะงัด หายเหนื่อยมีพลังก็พร้อมออกไปเที่ยวเมืองไทยให้สนุกกันต่อโลด