แซ่บสตรอง อย่าง ‘บุชชี่’

แซ่บสตรอง อย่าง ‘บุชชี่’

เสียทั้งพ่อและแม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ได้กระทบไหล่บริทนียส์ สเปียร์ส ที่ตนเองเทิดทูนมาทั้งชีวิต ..เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรัวๆ ติดกันภายในสองสัปดาห์ ถ้าเป็นคุณจะผ่านมันไปได้อย่างไร ?

คุณคิดว่า ชีวิตคนเราจะสวิงสุดๆ ได้แค่ไหน ?

ถ้าคนหนึ่งคนจะเสียทั้งพ่อและแม่ไปในเวลาถัดกันเพียงสองสัปดาห์ ขณะที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นก็ได้พบกับศิลปินที่ตัวเองปลื้มมาทั้งชีวิตอย่าง “บริทนีย์ สเปียร์ส” ชนิดไหล่ชนไหล่

คุณคิดว่า ช่วงชีวิตที่สวิงอย่างนี้ เธอ ผ่านมันมาได้อย่างไร ?

นี่คือชีวิตของ ‘บุชชี่’ กะเทยนางหนึ่งที่ชีวิตไม่เคยเครียดกับเรื่องที่มากไปกว่า “พรุ่งนี้จะใส่ชุดอะไรดี” แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้กับเธอที่เคยแต่กลุ้มใจว่า จะจองบัตรคอนเสิร์ตบริทนีย์ได้ที่นั่งเจ๋งๆ มั้ย เพราะตอนที่เริ่มเปิดจองบัตร คุณพ่อเกิดล้มป่วย และเธอต้องเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล จนเพื่อนฝูงช่วยจัดการจนได้ตั๋วมาอย่างหวัง อาการของพ่อที่ตอนแรกไม่ได้ซีเรียสมากก็กลับทรุดหนัก และจากไปในที่สุด

20132913_10213910942515613_305740122_o

เหมือนฟ้าปล่อยคิว.. เพราะหลังจากไม่นาน แม่ของเธอต้องล้มป่วยเช่นกัน ระหว่างที่ต้องเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล บุชชี่ที่มีบัตรคอนเสิร์ตบริทนีย์พร้อมอยู่ในมือ ก็ได้ข่าวว่า ผู้จัดงานฯ เปิดรับสมัครประกวดออดิชั่น หาตัวแทนที่จะได้เข้าไปมีทแอนด์กรี๊ด กระทบไหล่ ได้ถ่ายรูปกับ บริทนีย์ สเปียร์ส

“ตอนแรกคิดว่า จะไม่ได้ไป เพราะต้องเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล แต่ตอนนั้นแม่ก็นอนอยู่ หนูก็คิดว่า เมื่อโอกาสมันมาแล้ว ก็ไม่อยากจะปล่อยผ่านไป เพราะเราฝันตั้งแต่เด็กว่า อยากถ่ายรูปกับบริทนีย์สเปียร์สมาก ก็ตัดสินใจไป ก่อนคืนวันออดิชั่น ประมาณสี่ทุ่มได้ ก็ไปหาผ้าที่เราพอมี ว่า เราจะแต่งชุดอะไรได้บ้าง เราก็มานั่งเย็บชุดเสร็จประมาณตีห้า ได้นอนแว้บเดียวก็นั่งรถมากรุงเทพฯ ตอนนั่งรถมายังนั่งเย็บกางเกง ปักเลื่อม แต่งหน้าไปด้วยอยู่เลยค่ะ (หัวเราะ) พอเขาประกาศผลว่า เราได้ ก็กรี๊ดดีใจมาก ร้องไห้อยู่ในห้องน้ำโรงบาล แล้วก็รู้สึกขอบคุณความมานะของตัวเอง ที่ยังตัดสินใจไป เพราะตอนนั้นก็เกือบจะถอดใจไม่ไปแล้ว”

และเรื่องพลิกผันก็เกิดขึ้น ระหว่างที่เธอกำลังแต่งหน้าเตรียมไปพบศิลปินในดวงใจ พี่สาวก็โทรมาบอกข่าวเรื่องคุณแม่เสีย

หนูกำลังแฮปปี้ นั่งแต่งหน้าเตรียมจะไปงาน จะไปเจอบริทนีย์

พี่สาวโทรมาบอกว่า คุณแม่เสียแล้ว

"เราก็ทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะตัดสินใจยังไง จะกลับไปหรือจะไปเจอบริทนีย์ ซึ่งบริทนีย์ ก็คือความฝันเรา แต่ตอนนั้นก็คุยกับทางบ้าน สรุปว่า ในวันนั้น คุณแม่เสียประมาณบ่ายๆ แล้วซึ่งเรายังจัดการพิธีอะไรไม่ทัน เรากลับไปก็มีค่าเท่ากัน ก็เลยตัดสินใจไปหาบริทนีย์ ก็แต่งหน้าไป ร้องไห้ไป แต่งไม่เสร็จซักที เพื่อนๆ ก็บอกว่า แกต้องไปนะ ซึ่งมันเป็นความเจ็บปวดที่สุด เพราะหนูเพิ่งเสียพ่อไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อนหน้านั้น

ตอนนั้นมีคนส่งกำลังใจมาให้เราเยอะมาก เราก็เออ.. เราต้องไปนะ จะมาทิ้งความฝันไม่ได้ แล้วตอนนั้น ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็ไม่ผิดหวังที่ตัดสินใจไป เราก็พยายามแฮปปี้ให้ได้มากที่สุด พยายามจะลืมเรื่องเศร้าไปก่อน

บรรยากาศวันนั้น เขาก็นัดทุ่มนึง การ์ดก็มาบอกว่า เราต้องทำอะไรบ้าง ห้ามโดนตัวบริทนีย์นะ ห้ามกอด ห้ามแตะ แล้ววันนั้นชุดหนูมีงูด้วย (ชุดที่ไปออดิชั่น) การ์ดก็ต้องเข้าไปบอกบริทนีย์ก่อนว่า งูปลอมนะ เพราะกลัวเขาจะตกใจ แล้วการ์ดก็ออกมาบอกว่า บริทนีย์รู้อยู่แล้วว่า ชุดเราเป็นแบบนี้ เพราะนางเป็นคนเลือกเราเอง

20107654_10213910941995600_1435671005_o

คนที่เข้าไปวันนั้นมี ติช่า เดอะเฟซ ด้วย ก็เข้าไปด้วยกัน เราก็เตี๊ยมกันดิบดีว่า ติช่า เธอต้องเอ็นเตอร์เทนคุณแม่(บริทนีย์)ให้อยู่กับเรานานที่สุดนะ ซึ่งก่อนไป ต้องบอกว่า ติช่าน่ารักมาก พอเขารู้ว่า วันนั้นแม่หนูเสีย เขาก็บอกกับทุกๆ คนว่า ขอให้หนูได้เป็นคนยืนข้างบริทนีย์นะ ขอให้ได้เจอเรื่องดีๆ บ้าง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจเรา ตอนแรกว่าจะโอน้อยออกกัน (หัวเราะ) พอเปิดประตูเข้าไป เห็นบริทนีย์ยืนรออยู่ ออร่านางแรงมาก สวยมาก พูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ พูดได้แค่ว่า Britney, I love you, I love you so much! พูดวนไปวนมา คนอื่นยืนเงียบเลย ตีช่าก็พูดแต่ โอมายก็อด โอมายก็อด ยืนตัวสั่น หนูก็แบบ.. ตีช่า มันไม่ใช่ที่เตี๊ยมกันไว้นะ(หัวเราะ)” บุชชี่เล่าถึงความประทับใจพร้อมเสียงหัวเราะ

9fevOh1F

“หนูโตมากับบริทนีย์เลยค่ะ มีนางเป็นไอดอลมาตั้งแต่ประถม นางเป็นคนทำให้เราแกรนด์ โอเพนนิ่ง ตอนเด็กๆ ดูเซเลอร์มูนก็ยัง.. เอ๊ะ เราจะเป็นหน้ากากทักซิโด้ดี หรือจะเป็นเซเลอร์มูนดี แต่พอเจอบริทนีย์เข้าไป ก็บอกตัวเองว่า เราจะต้องเป็นบริทนีย์ให้ได้” บุชชี่ เล่าถึงความรักในบริทนีย์ที่มีมาตั้งแต่ประถม ที่เป็นแรงบันดาลใจจนทำให้เธอบอกว่า มีความมั่นใจได้อย่างทุกวันนี้

ถามว่า มั่นใจขนาดไหน ? เอาเป็นว่า สำหรับใครที่เจอกะเทยร่างกลม แต่งตัวแซ่บถึงแซ่บมาก ชนิดไม่แคร์สื่อ หรือสายตาคนมอง ก็คงพอจะนึกออกว่า มั่นใจเบอร์ไหน

ทุกวันนี้ บุชชี่ ใช้แรงบันดาลใจที่มีส่งผ่านสู่อาชีพแต่งตัวเป็นเซเลบ จนถึงตัวละครดัง เพื่อไปออกงานสร้างสีสันตามอีเวนท์ต่างๆ

“คนชวนเราไปออกงาน ก็คาดหวังว่าเราต้องแต่งเต็ม แรกๆ เราเล่นใหญ่ไปแล้ว ก็เบรคลงไม่ได้ เข้าเนื้อก็ยอมเพราะการแต่งตัวคือความสุขของเรา ขนาดงานศพพ่อแม่หนูยังจัดเต็มเลย เหมือนคุณแม่ชมพูไปเมืองคานส์เลยค่ะ (หัวเราะ) ส่วนวันทั่วๆ ไป ก็แล้วแต่อารมณ์ค่ะ คืนนี้เรานอนก็จะนึกว่า เออพรุ่งนี้เราอยากเป็น มาริลิน มอนโร ตอนเช้า ก็จะแต่งเป็น มาริลิน แต่ถ้าวันไหนไม่อยากเป็นอะไรเลยก็จะหน้าโทรมๆ เป็นอีป้า อีลุงแก่ๆ คนนึง คนรู้จักเดินสวนกันยังจำไม่ได้ อย่างร้านที่ไปกินบ่อยๆ วันไหนที่เราไม่ได้แต่ง เขาก็ไม่ได้สนใจเรา พอวันรุ่งขึ้นเราแต่งเต็มไป เขาก็ทักว่าพี่หายไปนานเลยนะคะ ซึ่งเมื่อวานชั้นก็เพิ่งมาเอง (ขำ)”

ย้อนกลับไปดูชีวิตที่ผกผันและแย่สุดๆ ของเธอคนนี้ กับเสียงหัวเราะที่ยังมีได้ ความสตรองที่เกิดขึ้น บุชชี่ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ

ทุกอย่างมันไวมาก ในหนึ่งเดือนชีวิตหนูเปลี่ยนเลย เมื่อก่อนที่เครียดที่สุดก็คือ เวลาหาชุดสวยๆ ไม่ได้

เราไม่มีเรื่องทุกข์ร้อน ไม่มีเรื่องเครียด พอมีเรื่องนี้เข้ามา ก็ต้องโตขึ้น มันสอนให้เราคิดได้ว่า "อย่ารอเวลา"

"หนูเคยคิดว่า จะพาพ่อแม่ไปกินโน่นกินนี่ หรือจะพาไปเที่ยว ซึ่งเราก็มีตังค์แล้วแหละ แต่เรายังไม่ได้พาไป คิดว่า เดี๋ยวให้เรามีมากกว่านี้ก่อน ซึ่งมันรอไม่ได้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน”

ก็เหมือนกับที่หลายๆ คนที่เคยรู้จักคำว่า สูญเสียได้พบเจอ และอยากจะบอกทุกๆ คนว่า “อยากให้ทำวันนี้ให้ดีที่สุด”

..เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า คนที่เรารักจะจากไปในวันใด