“ทรัมป์”ส่งทหารเพิ่ม1,500นายคุมเชิงตะวันออกกลาง

“ทรัมป์”ส่งทหารเพิ่ม1,500นายคุมเชิงตะวันออกกลาง

พร้อมเดินหน้าขายอาวุธมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลล์ให้ซาอุฯ และยูเออีหวังสกัดกั้นอิหร่าน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้สั่งการให้ส่งทหาร 1,500 นายไปประจำการในตะวันออกกลาง ประกอบด้วย ทหาร 900 นายที่เป็นทหารส่งไปใหม่ และ 600 นายที่เป็นทหารประจำการอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แต่ยืดระยะเวลาประจำการออกไป

ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศเรื่องการส่งกำลังทหารไปเพิ่ม ปธน.ทรัมป์ แสดงความสงสัยระหว่างฟังรายงานสรุปเรื่องความมั่นคงในตะวันออกกลาง ว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่สหรัฐต้องเพิ่มกำลังทหารในภูมิภาคนี้ โดยผู้นำสหรัฐเชื่อว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น 

อย่างไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภาบางคนจากพรรคเดโมแครต ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มกำลังทหารในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดยิ่งขึ้น

ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะตัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงทั้งหมด และเพิ่มมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจอื่นๆ ต่ออิหร่าน พร้อมกับเพิ่มกิจกรรมทางทหารในตะวันออกกลาง

ขณะนี้กองเรือที่ 5 ของสหรัฐเพิ่มการลาดตระเวณ และปฏิบัติการทางทะเล ในทะเลอาราเบียน นอกจากนี้กองทัพอเมริกันยังให้เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม พร้อมด้วยเรือยูเอสเอส อาร์ลิงตัน และเครื่องบินทิ้งระเบิดบี -52 ไปประจำการในตะวันออกกลาง

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเมื่อวันศุกร์ (24พ.ค.) จากสถานการณ์ตึงเครียดกับอิหร่าน และเดินหน้าขายอาวุธมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และจอร์แดน โดยไม่สนใจการคัดค้านจากสภาคองเกรส

นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า หุ้นส่วนของสหรัฐในตะวันออกกลางต้องการทำสัญญาซื้อขายให้แล้วเสร็จเพื่อช่วยในการสกัดกั้นภัยคุกคามจากอิหร่าน