รัฐบาลออกมาตรการภาษีหนุนส่งเสริมคนไทยรักการอ่าน

รัฐบาลออกมาตรการภาษีหนุนส่งเสริมคนไทยรักการอ่าน

"วิษณุ" เผยรัฐบาลออกมาตรการภาษีหนุนส่งเสริมคนไทยรักการอ่าน ผู้ประกอบการสิ่งพิมพ์ขานรับออกโปรโมชัน กระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง

วานนี้ (22 พฤษภาคม 2562) ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบูรณาการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการบูรณาการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ได้แถลงข่าวมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน “ช้อปหนังสือช่วยชาติ” โดยเปิดเผย ว่า รัฐบาลเห็นความสำคัญในการส่งเสริมการอ่าน เพื่อพัฒนาคุณภาพประชากรของประเทศ ตามที่ระบุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) เรื่องการเตรียมพร้อมด้านกำลังคนและการเสริมสร้างศักยภาพของประชากรในทุกช่วงวัย ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ แม้ว่าจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2561 พบว่าคนไทยจะใช้เวลาอ่านเพิ่มขึ้นจาก 66 นาทีต่อวันในปี 2558 เป็น 80 นาทีต่อวันแล้วก็ตาม แต่ยังไม่อาจเทียบเท่าประเทศที่พัฒนาแล้ว อีกทั้งเห็นว่า การใช้มาตรการภาษีเพื่อซื้อหนังสือ จะสามารถสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจของวงการหนังสือ และสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด รวมทั้งที่อยู่ในรูปแบบของ E-book จากการที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านในครั้งแรก ภายใต้มาตรการภาษีเพื่อเกษตร ชุมชนและทุนมนุษย์ ในช่วงวันที่ 15 ธันวาคม 2561 – 16 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา


ผลการสำรวจของสวนดุสิตโพล พบว่าได้รับผลตอบรับที่ดีมากทั้งจากประชาชน และภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจการพิมพ์และ E-book ทั้งข้อมูลของสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นว่ามาตรการนี้ ทำให้รายได้จากการจำหน่ายหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ของร้านหนังสือเชนสโตร์ ร้านหนังสืออิสระและสำนักพิมพ์เพิ่มขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมา (2558 - 2560) ถึงร้อยละ 33.3 จากยอดจำหน่ายปกติของเดือนธันวาคม ที่อยู่ประมาณ 670 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็น 873.19 ล้านบาท นับว่ายอดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงมากในเวลาเพียง 1 เดือน และพบว่าประชาชนทั่วไปมีความต้องการให้ขยายเวลาของมาตรการภาษีเพื่อความสะดวกในการซื้อหนังสือได้ต่อเนื่อง

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเพิ่มว่า สำหรับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านในครั้งที่ 2 นี้ อยู่ภายใต้มาตรการภาษีเพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2562 ของกระทรวงการคลัง และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ซึ่งประกอบด้วย มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าเกี่ยวกับการศึกษาและกีฬา มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน เป็นต้น โดยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่าน นี้ กำหนดให้ ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าหนังสือ และค่าบริการ e-book ทุกประเภทตามที่จ่ายจริง ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31ธันวาคม 2562 โดยลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายในการซื้อหนังสือในครั้งนี้ หากคิดรวมกับรายจ่ายในการซื้อหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 - 16 มกราคม 2562 (ช่วงมาตรการแรก) รวมแล้วต้องไม่เกิน 15,000 บาท

ทั้งนี้ สมาคมจัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย มีแนวทางการส่งเสริมการตลาด โดยจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เทศกาลให้หนังสือเป็นของขวัญ Book for gift และผู้ประกอบการด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ได้เตรียมแคมเปญส่งเสริมการขาย รองรับมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านในครั้งนี้ เช่น ร้านนายอินทร์ เตรียมจัด Roadshow ตามศูนย์การค้าต่างๆ ในเคมเปญมาตรการ “อ่านสร้างชีวิต พิชิตเป้าหมาย” จัดหนังสือชุดพิเศษ กลุ่ม How To Self Help วรรณกรรม และหนังสือธรรมะ ในราคา 2,000 บาท และ 5,000 บาท พร้อมจัดโครงการส่งความรู้ สร้างความสุข ปี 2 โดยอำนวยความสะดวกเป็นช่องทางในการนําส่งหนังสือให้โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการกว่า 100 โรงเรียนทั่วประเทศ และประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการอ่านทาง อัมรินทร์ ทีวี และสื่อต่างๆในเครือฯ บริษัท ซีเอ็ด บุ๊คเซ็นเตอร์ พร้อมจัด Roadshow ตามศูนย์การค้าฯ จัดโครงการ เพื่อน SE-ED มีกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น “มีน้อย อ่านมาก” และกิจกรรม “ครูฝรั่งเล่านิทาน” กิจกรรมนักเขียนพบนักอ่าน และ workshop นักอ่าน

ส่วน ร้าน Candide Books & Café จัดรายการส่งเสริม เช่น ซื้อหนังสือครบ 2,000 บาท แถมกระเป๋าผ้า ร้าน B2S จะประสานห้างสรรพสินค้าต่างๆ จัดงานมินิบุ๊คแฟร์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้สำนักพิมพ์ขนาดเล็กมีช่องทางจัดจำหน่ายได้พบผู้อ่านโดยตรง และศูนย์หนังสือจุฬา ให้พื้นที่กับสำนักพิมพ์ต่างๆ สามารถจำหน่ายหนังสือในศูนย์หนังสือของจุฬาได้ ด้านผู้ประกอบการด้าน E-BOOK จัดโปรโมชัน ซื้อครบยอดที่กำหนดสามารถอ่านหนังสือแบบบุฟเฟต์ฟรี ภายใน 1 ปี เพื่อส่งเสริมให้คนอ่านหนังสือมากขึ้น เป็นต้น

นอกจากนี้ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ยังเตรียมจัดกิจกรรมเสวนา รวมถึง Clip VDO เผยแพร่โดยเชิญ Idol / Influencer ที่ประสบความสําเร็จจากการอ่านประจำทุกเดือน ในระหว่าง มิ.ย. - ธ.ค. 62 นี้ด้วย

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการส่งหรีดไปแสดงความอาลัยในงานศพ โดยสนับสนุนเชิญชวนให้ประชาชนหันมาส่งหรีดหนังสือ หรีดอาลัย ให้ปัญญาแทนการส่งเป็นหรีดดอกไม้ เพื่อจะได้ส่งมอบหนังสือไปให้กับห้องสมุด หน่วยงานต่าง ๆ หรือประชาชนที่มีความประสงค์ต้องการอ่านหนังสือดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ รวมทั้งยังเป็นการสร้างกุศลให้กับผู้วายชนม์และสร้างปัญญาจากการอ่านหนังสือ เป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาในการแสวงหาความรู้และเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนได้อ่านหนังสือที่เหมาะสมกับช่วงวัยในทุกพื้นที่ที่ขาดแคลนตลอดจนช่วยพัฒนาเด็กไทยให้มีคุณภาพ

โดยรัฐบาลคาดว่าหลังจากมีมาตรการดังกล่าว จะส่งผลในทางบวกต่อกำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยซึ่งมีความจำเป็นต้องจัดซื้อหนังสือเรียนให้กับบุตรหลาน รวมทั้งประชาชนทั่วไปจะสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการภาษีในการเพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้จากการอ่านจนเกิดพฤติกรรม รักการอ่าน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมสื่อสิ่งพิมพ์ และ E-book ที่จะมีรายได้เพิ่มจากการผลิตและจำหน่ายหนังสือหรือการให้บริการ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายด้านภาษีในครั้งนี้จะเกิดผลสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคมที่มีบทบาทสำคัญ เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงาน กศน. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ สำนักพิมพ์ ร้านหนังสือ รวมทั้งพ่อแม่ครูและผู้ปกครอง ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกันขับเคลื่อนวัฒนธรรมการอ่านให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในสังคมไทยต่อไป