‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

สงครามการค้าสหรัฐกับจีนยังตึงเครียดร้อนแรงขึ้น เงินบาทเคลื่อนไหวตามแนวโน้มดอลลาร์จะไม่อ่อนค่าไปมากเพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อบอนด์สุทธิอยู่

นายจิติพล  พฤกษาเมธานันท์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย  เปิดเผยว่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ31.93 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ31.95 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมานักลงทุนยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ทวีความร้อนแรงขึ้นส่งผลให้ดัชนีS&P500 ของสหรัฐฯปรับตัวลดลง0.28% อย่างไรก็ดีมุมมองของเฟดที่“ไม่เร่งรีบ” ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินได้ช่วยหนุนให้ตลาดสหรัฐฯไม่ได้ปรับตัวลดลงหนักในขณะที่ดัชนีFTSE100 ของอังกฤษและดัชนีSTOXX50 ของยุโรปสามารถปิดตลาดในแดนบวก0.07% และ0.01% ตามลำดับจากอานิสงส์ของเงินปอนด์และเงินยูโรที่อ่อนค่าลง

เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย0.12% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักแม้ว่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์และเงินยูโรแต่เงินเยนกลับแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยกดดันไม่ให้เงินดอลลาร์แข็งค่าไปมาก

ในส่วนของค่าเงินบาทช่วงนี้เคลื่อนไหวในกรอบ10-15 สตางค์เพราะระยะสั้นยังคงมีแรงซื้อดอลลาร์เพื่อจ่ายปันผลอยู่ขณะที่ฝั่งผู้ส่งออกก็รอขายดอลลาร์หากเงินบาทอ่อนค่าใกล้32.00 บาทต่อดอลลาร์นอกจากนี้เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมากเพราะนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อบอนด์สุทธิอยู่หลังตลาดมองโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ลดลงจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับวันนี้มองว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวตามแนวโน้มเงินดอลลาร์โดยมีปัจจัยเสี่ยงคือการเมืองยุโรปที่อาจกดดันเงินยูโรให้อ่อนค่าและหนุนให้ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าต่อมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้31.90 - 32.00 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับวันนี้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้ 

เริ่มต้นจากฝั่งสหรัฐฯรายงานการประชุมเฟด(Fed Minutes) ล่าสุดย้ำมุมมองว่าเฟดไม่เร่งรีบปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินและเฟดจะรอดูผลกระทบเศรษฐกิจจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกอาทิสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ในฝั่งยุโรปคาดว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตของยูโรโซน(Manufacturing PMI) เดือนพฤษภาคมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ48.2 จุดหนุนโดยการฟื้นตัวของภาคการผลิตในเยอรมันนอกจากนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมันจะช่วยให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมัน(Ifo Business Climate) ปรับตัวขึ้นแตะระดับ99.5 จุดและที่สำคัญนับจากวันนี้จนถึงวันที่26 พฤษภาคมตลาดจะติดตามการเลือกตั้งสภายุโรป(European Parliament Election) โดยเราคาดว่าพรรคการเมืองที่เน้นนโยบายประชานิยมและไม่เห็นด้วยกับการรวมตัวของสหภาพยุโรปจะได้ที่นั่งในสภามากขึ้นทำให้ความเสี่ยงการเมืองยุโรปกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง