"อาเบะ"จัดใหญ่รับ‘ทรัมป์’เยือนญี่ปุ่น

"อาเบะ"จัดใหญ่รับ‘ทรัมป์’เยือนญี่ปุ่น

นายกฯ ญี่ปุ่นเตรียมงานใหญ่ต้อนรับประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งรับพระราชทานเลี้ยง ชมซูโม่แถวหน้า และชมเรือรบลำใหญ่สุดของประเทศ หวังเลี่ยงข้อพิพาทการค้า

นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เตรียมการต้อนรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างพันธมิตรเก่าแก่ ในโอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์ มาเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-28 พ.ค.

นายทรัมป์จะได้รับพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารจากสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะถือเป็นแขกต่างประเทศรายแรกที่ได้รับเกียรติเช่นนี้ นับตั้งแต่พระองค์ทรงสืบราชสมบัติเมื่อวันที่ 1 พ.ค.

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังมีแผนตีกอล์ฟกับนายอาเบะ และเยี่ยมชมเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์คางะ

ส่วนการประชุมสุดยอดระหว่างสองผู้นำจะมีขึ้นในวันจันทร์ (27 พ.ค.) คาดว่า จะหารือกันหลายเรื่อง ตั้งแต่โครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธเกาหลีเหนือ ไปจนถึงการเติบโตของจีนไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจหรือการทหาร รวมถึงการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐ ในช่วงที่รัฐบาลวอชิงตันกำลังทำสงครามการค้ากับปักกิ่ง

นายเคนจิ วาคามิยะ ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ระหว่างนายทรัมป์มาเยือนคงมีการหารือกันในหลายประเด็น แต่คงไม่ใช่เรื่องรุนแรง

“ผมคิดว่าสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องไม่น่าจะโหดเหมือนที่ทำกับจีน”

นายอาเบะให้ความสำคัญกับการกระชับสัมพันธ์นายทรัมป์มากที่สุด ทั้งคู่ติดต่อกันบ่อยครั้งทั้งทางโทรศัพท์และเจอกันในที่ประชุม

นายโทชิฮิโร นากายามา นักวิจัยจากศูนย์วิลสันในวอชิงตัน กล่าวว่า นายอาเบะเปิดรับผู้นำสหรัฐอย่างเต็มที่

“สิ่งที่นายกฯ อาเบะทำนั้นมีผลมากทีเดียว ถึงขนาดพูดว่าเป็นยุทธศาสตร์ก็ได้ เพราะคนอย่างทรัมป์ให้ความสำคัญกับคนที่เคมีเข้ากัน”

นายคุนิฮิโค มิยาเกะ อดีตนักการทูต ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยที่สถาบันแคนอนเพื่อโลกศึกษา กล่าวว่า การกำหนดให้การมาของนายทรัมป์เป็นการเยือนอย่างเป็นทางการโดยนิยามน่าจะหมายถึงความสำเร็จ

“งานนี้เน้นพิธีกรรมและสัญลักษณ์มากกว่าเนื้อหา และตราบเท่าที่ประเด็นการค้ายังเป็นเรื่องน่ากังวลอเมริกาต้องมาก่อนก็คือจีน”

อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์แสดงออกชัดว่า ไม่สบายใจที่ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าไปถึง 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่มาจากการส่งออกรถยนต์ จึงอยากแก้ปัญหานี้

เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลสหรัฐเพิ่มขึ้น 17.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 มาอยู่ที่ 723.2 แสนล้านเยน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากส่งออกรถยนต์ได้เพิ่มขึ้น 8.3%

วันศุกร์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) ผู้นำสหรัฐประกาศว่า รถยนต์และอะไหล่รถยนต์นำเข้าส่วนหนึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ แต่ยังเลื่อนการตัดสินใจเก็บภาษีออกไปอีก 6 เดือน เปิดช่องให้เจรจากับญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปเพิ่มเติม

ขณะที่ญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยกับการจำกัดการส่งออก ที่ละเมิดกฎการค้าโลก