‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 31.93 บาทต่อดอลลาร์

นักลงทุนเริ่มเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังสหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับ Huawei ของจีนชั่วคราว ทางด้านเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลง หากยอดส่งออกแย่กว่าคาด

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน. ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ31.93 บาทต่อดอลลาร์ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน

ในคืนที่ผ่านมานักลงทุนเริ่มเปิดรับความเสี่ยง(Risk-On) มากขึ้นหลังสหรัฐฯประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯดำเนินธุรกิจกับบริษัทHuawei ของจีนเป็นการชั่วคราวทำให้ดัชนีS&P500 ของสหรัฐฯปรับตัวขึ้น0.85% นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพส่วนดัชนีFTSE100 ปิดบวก0.25% เช่นเดียวกันกับดัชนีSTOXX50 ของยุโรปที่ปรับตัวขึ้น0.50%

ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดทำให้ตลาดลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย(Safe Haven Assets) ส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลง0.25% แตะระดับ110.59 เยนต่อดอลลาร์อย่างไรก็ตามการอ่อนค่าของเงินเยนไม่ได้ช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักเนื่องจากเงินยูโรแข็งค่าขึ้น0.17% แตะระดับ1.116 ดอลลาร์ต่อยูโรจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีกว่าคาดในขณะที่เงินปอนด์ผันผวนหนักจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์Brexit

ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯยอดขายบ้านมือสอง(Existing Home sales) เดือนเมษายนลดลง0.4% จากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ5.19 ล้านยูนิตน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ5.35 ล้านยูนิต

นอกจากนี้ประธานเฟดบอสตันEric Rosengren ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงินเฟดได้แสดงความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กดดันเศรษฐกิจสหรัฐฯและทำให้เฟดจะต้องใช้ความอดทนเพื่อติดตามสถานการณ์ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน

สำหรับวันนี้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้

ในฝั่งสหรัฐฯคาดว่าตลาดจะติดตามถ้อยแถลงของบรรดาคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดอาทิJames Bullard และJohn Williams  รวมถึงรายงานการประชุมเฟดล่าสุด(Fed Minutes)ในช่วงเช้ามืดของวันพฤหัสฯเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อรวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้

ส่วนฝั่งไทยมองว่ายอดส่งออกและนำเข้าในเดือนเมษายนมีแนวโน้มจะหดตัว1.6% และ4.3% ตามลำดับจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสอดคล้องกับภาพรวมการค้าโลกที่ยังซบเซาจากความตึงเครียดทางการค้าและภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ทางด้านค่าเงินบาทแม้ช่วงนี้ยังมีความต้องการซื้อเงินดอลลาร์เพื่อจ่ายปันผลกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าอยู่ทว่าเงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมากเพราะฝั่งผู้ส่งออกจำนวนก็รอขายดอลลาร์หากเงินบาทอ่อนกลับไปใกล้32.00 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับวันนี้เชื่อว่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงหากยอดส่งออกแย่กว่าคาดแม้ว่าโดยรวมสกุลเงินภูมิภาคมีแนวโน้มเริ่มกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์หลังตลาดเริ่มคลายความกังวลสงครามการค้า

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้31.90 - 32.00 บาทต่อดอลลาร์