“ทรัมป์”ขู่จีนทำข้อตกลงการค้าทันที

หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกรอบล่าสุด ที่กรุงวอชิงตันสิ้นสุดลงเมื่อวันศุกร์ (10 พ.ค.) โดยไร้ข้อตกลง รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ของจีน เผยว่า ทั้งสองฝ่ายจะพบกันอีกครั้งที่กรุงปักกิ่ง แต่ยังไม่ระบุวัน พร้อมเตือนว่า จีนจะไม่ยอมถอยในหลักการสำคัญเด็ดขาด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความสวนกลับในวันเสาร์ (11 พ.ค.) ระบุ “ผมคิดว่าจีนรู้สึกโดนอัดหนักในการเจรจารอบล่าสุด จนคิดว่าคอยให้ถึงการเลือกครั้งหน้าปี 2563 ดีกว่า เผื่อโชคดีเดโมแครตชนะ เท่ากับจีนจะได้เปรียบสหรัฐต่อไปปีละ 5 แสนล้านดอลลาร์ แต่ปัญหาคือพวกเขารู้ว่าผมต้องชนะ (เศรษฐกิจดีที่สุด ตัวเลขจ้างงานมากสุดเป็นประวัติการณ์ และอื่นๆ อีกมากมาย) ถ้ามาเจรจากันตอนผมเป็นประธานาธิบดีสมัย 2 ข้อตกลงจะโหดกว่านี้มาก ถ้าจะให้ดีจีนควรทำข้อตกลงตอนนี้เลย แต่ผมก็ชอบเก็บภาษีก้อนใหญ่นะ!”

นายทรัมป์กล่าวหาว่า รัฐบาลปักกิ่งผิดสัญญาการค้า จึงสั่งเก็บภาษีรอบใหม่เพิ่มจาก 10% เป็น 25% จากสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ มีผลเมื่อวันศุกร์ และจะเก็บเพิ่มจากสินค้าจีนมูลค่า 3แสนล้านดอลลาร์ด้วย โดยจะมีผลบังคับใช้อีกหลายเดือนนับจากนี้หลังจากทำประชาพิจารณ์แล้ว

ทั้งยังแนะนำให้บริษัททั้งหลายหลีกเลี่ยงการจ่ายต้นทุนเพิ่มได้ง่ายๆ ด้วยการผลิตสินค้าในประเทศ ซึ่งท่าทีล่าสุดของนายทรัมป์ ถือว่าผิดคาดจากเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่สหรัฐกับจีนดูเหมือนจะตกลงกันได้ในการเจรจารอบนี้

รัฐบาลวอชิงตันต้องการให้ปักกิ่งคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาให้เข้มงวด ลดการอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ ลดการได้เปรียบดุลการค้า ส่วนจีนก็ต้องการได้ข้อตกลงที่สมดุล ส่วนหนึ่งคือสหรัฐต้องเลิกเก็บภาษี

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้สนับสนุนจะชมนายทรัมป์ว่า เป็นนักเจรจาตัวยง แต่นักการเมืองพรรครีพับลิกันสายสนับสนุนการค้าเสรีเตือนว่า การเก็บภาษีแท้จริงแล้วทำลายเศรษฐกิจประเทศ เกษตรกรหลายคนรวมทั้งผู้สนับสนุนนายทรัมป์ ยอมรับว่าภาษีส่งผลต่อรายได้ของพวกตน

ในช่วงที่สงครามการค้าขยายวง จีนเก็บภาษีสินค้าเกษตรและอื่นๆ ของสหรัฐมูลค่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์

ด้านนายชัค กราสลีย์ ส.ว.รีพับลิกันจากรัฐเกษตร “ไอโอวา” ไม่ค่อยยินดีกับการเก็บภาษีนัก พร้อมเตือนให้ผู้เจรจาบรรลุข้อตกลงกันโดยเร็ว “เราจะได้ไม่ต้องเก็บภาษีกันนาน ก็รู้กันดีว่าภาษีส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ”