ทดสอบระบบ Biometrics สนามบินภูเก็ต ป้องกันคนร้ายข้ามชาติ

ทดสอบระบบ Biometrics สนามบินภูเก็ต ป้องกันคนร้ายข้ามชาติ

ตม.ติดตามการทดสอบระบบ Biometrics ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สนามบินภูเก็ต ก่อนใช้งานเต็มรูปแบบ ก.ค.นี้ หวังสร้างความเชื่อมั่นป้องกันคนร้ายข้ามชาติ

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.62 ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.ติณภัทร ภุมรินทร์ ผู้บังคับบัญชา สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานบริหารโครงการ Biometrics พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 ปฏิบัติราชการแทน รอง ผบช.สตม.ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ, พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร.และคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ,ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,ผู้แทนจากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์กรมหาชน),ผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นทีมที่ปรึกษาโครงการฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และนาย Gunther Mull ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท DERMALOG ซึ่งเป็นบริษัทรับติดตั้ง ระบบ Biometrics “ไบโอแมทริกซ์” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการติดตั้ง และทดสอบระบบงาน Biometrics โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคล (ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า) ซึ่งขณะนี้ได้ทำการติดตั้งในสนามบิน 16 แห่งทั่วประเทศไปแล้วกว่า 70% หลังมีการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้าดำเนินการติดตั้งเพื่อทดแทนระบบเดิมที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน

พล.ต.ท.ติณภัทร ภุมรินทร์ กล่าวว่า ระบบ Biometrics ใหม่นี้เป็นระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล เช่นใบหน้า และลายพิมพ์นิ้วมือ ซึ่งก่อนหน้านี้ระบบเดิมของการตรวจสอบบุคคลเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย ใช้เทคโนโลยีแบบเก่า ที่ไม่มีการใช้อัตลักษณ์แต่ประการใด ปัญหาที่เกิดคือ การปลอมแปลงเอกสาร หรือหนังสือเดินทาง เพื่อการแฝงตัวของผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ ผู้ต้องหาหลบหนี ผู้ไม่หวังดี สามารถกระทำได้ไม่ยาก ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อประเทศไทย กระทบการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ และการท่องเที่ยว แต่ในระบบการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบโดยใช้ลายพิมพ์นิ้วมือ และภาพถ่ายใบหน้า ด้วยระบบ Biometrics ได้มีการนำอัตลักษณ์ทางชีวภาพบุคคลมาใช้ในการยืนยันตัวตน และตรวจสอบบุคคลต้องห้าม (Blacklist) สร้างมาตรฐานความปลอดภัยในการพิสูจน์ตัวบุคคลและเป็นการยกระดับการตรวจคนเข้าเมืองเทียบเท่าระดับสากล เป็นการสร้างความประทับใจ และความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้ระบบ Biometrics ที่นำมาใช้ในโครงการนี้เป็นของประเทศเยอรมันจากบริษัทใหญ่ซึ่งทางรัฐบาลเยอรมันถือหุ้น มีผลงานด้าน Biometrics มากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และยังประสบความสำเร็จในการตรวจจับผู้ก่อการร้ายระดับต้น ๆ

การดำเนินโครงการดังกล่าวใช้งบประมาณ จำนวน 2,100 ล้านบาท มีการติดตั้ง 170 จุด ทั่วประเทศ ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ต มีการติดตั้งที่สนามบินภูเก็ต ท่าเทียบเรือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานสืบสวน เฉพาะสนามบินภูเก็ตจะมีการติดตั้งจำนวน 76 ตัว ซึ่งมีการดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 ขณะนี้มีการดำเนินการไปแล้วประมาณ 70% ครบกำหนดในการดำเนินงานเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ได้มีการขยายระยะเวลาอีก1เดือน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 หากภายในเดือนมิถุนายนยังไม่เสร็จก็จะต้องเสียค่าปรับวันละกว่า 4 ล้านบาท

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่1กรกฎาคม 2562 ระบบจะสามารถพร้อมใช้งานได้เต็มรูปแบบทั่วประเทศ โดยจะทำการติดตั้งระบบกว่า 2,000 เครื่อง ณ จุดตรวจคัดกรองผู้โดยสารทั่วประเทศ ด่านบก ด่านทางน้ำ ท่าอากาศยาน เพื่อเป็นการคัดกรองบุคคล ลักษณะเด่นของระบบ คือ การยืนยันตัวบุคคลที่เข้ารับการตรวจ ป้องกันการใช้หนังสือเดินทางปลอม การเปลี่ยนชื่อ และในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งถือเป็นก้าวแรก ในการตรวจคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย ให้เป็นมาตรฐานสากลกับประเทศอื่นทั่วโลก โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศที่5ในอาเซียนที่นำระบบ Biometrics มาใช้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุน