บอร์ดดีอี เผยความก้าวหน้างานสำคัญ

บอร์ดดีอี เผยความก้าวหน้างานสำคัญ

บอร์ดดีอี เผยความก้าวหน้างานสำคัญภายใต้กรอบนโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และเตรียมการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่

วันนี้ (8 พฤษภาคม 2562) เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุม 108 ชั้น 1 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ร่วมกับคณะกรรมการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ พิจารณาจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ โดยปรับรูปแบบของ Service Delivery Unit ให้เป็น Business Unit ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐเกิดกลไกการวิเคราะห์ขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในเรื่องต่าง ๆ อาทิ การบริหารงบประมาณ การให้บริการสาธารณะตรงตามความต้องการของประชาชน รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม

พร้อมทั้ง เห็นชอบเรื่อง ความสอดคล้องของแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (พ.ศ. 2561 – 2564) กับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งประกาศและมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2562 จากที่คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบหลักการแผนฯ แล้วเมื่อคราวการประชุมครั้งที่ 2/2561 สำหรับการจัดทำแผนแม่บทก็ได้มีการปรับปรุงและอ้างอิงมาจากแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 20 ปี และแผนปฏิบัติการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระยะ 5 ปี ที่รวมประกาศเป็นนโยบายและแผนระดับชาติแล้ว

โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล จะประสานงานขับเคลื่อนแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลพ.ศ. 2561 – 2564 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ เรื่อง การปรับแผนงบประมาณรายจ่ายโครงการเพิ่มเติม ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประจำปี 2562 ซึ่งสำนักงาน กสทช. เสนอปรับแผนงบประมาณรายจ่ายโครงการ ประจำปี 2562 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินโครงการศึกษาเพื่อกำหนดรูปแบบและหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่รองรับการให้บริการ 5G จากเดิม จัดจ้างที่ปรึกษา เป็นความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัย Calmers University of Technology ภายในกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับอนุมัติ และปรับเพิ่มโครงการระบบตรวจสอบสิ่งผิดกฎหมายจากการออกอากาศทางวิทยุและโทรทัศน์ระดับภูมิภาค วงเงิน 95.010 ล้านบาท ซึ่งการปรับแผนดังกล่าวนี้ อยู่ภายใต้กรอบวงเงินเดิมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นของคณะกรรมการดิจิทัลฯ เมื่อคราวการประชุมครั้งที่ผ่านมา (ครั้งที่ 5/2561)