สรรพากร จับมือ บสย. แนะผู้ประกอบการทำบัญชีเดียว ลดความเสี่ยงโดนเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

สรรพากร จับมือ บสย. แนะผู้ประกอบการทำบัญชีเดียว ลดความเสี่ยงโดนเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

สรรพากร จับมือ บสย. แนะผู้ประกอบการทำบัญชีเดียวคุ้มกว่า ทั้งช่วยลดต้นทุนกู้เงิน และลดความเสี่ยง จากการโดนเบี้ยปรับเงินเพิ่ม

วันนี้ (7 พฤษภาคม 2562) ณ ห้องพระอุเทน 1 กรมสรรพากร ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ได้เปิดตัวงาน “เสี่ยงกว่ามั้ย...ถ้าไม่ใช้บัญชีเดียว” เพื่อช่วยผู้ประกอบการประเมินความเสี่ยง ด้านภาษีอากรเพื่อเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ภายในงานดังกล่าว ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้จัดทำและใช้บัญชีและงบการเงินอย่างถูกต้องระหว่าง กรมสรรพากร กับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “การจัดงานในวันนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากรและ บสย. เพื่อเน้นย้ำผู้ประกอบการให้เห็นถึง ประโยชน์ของการจัดทำบัญชีเดียว และงบการเงินให้ถูกต้อง ได้แก่ (1) การสร้างความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ ซึ่งจะทำให้เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ช่วยลดต้นทุนในการกู้เงิน (2) การลดความเสี่ยงจากการโดนตรวจโดยกรมสรรพากร ซึ่งหากถูกประเมิน ภาษีจะต้องเสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ปัจจุบันกรมสรรพากรได้นำระบบเกณฑ์ประเมินความเสี่ยง Risk-Based Assessment และ Data Analytics เข้ามาช่วยในการหากลุ่มเสี่ยงในการหลบภาษี เช่น การสร้างรายจ่ายเท็จของธุรกิจบางราย

ตอนนี้กรมสรรพากรมีมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทำบัญชีเดียว โดยสามารถยื่นแบบปรับปรุง และชำระภาษีอากรโดยไม่ต้องมีเบี้ยปรับเงินเพิ่ม ย้ำว่าผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วนต้องลงทะเบียนขอใช้สิทธิทางระบบส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 - 30 มิถุนายน 2562 เท่านั้น ภายหลังลงทะเบียนและชำระภาษีอากรแล้ว ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบผ่านระบบ e-Filing ทุกแบบที่กรมสรรพากรให้บริการ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึง 30 มิถุนายน 2563 ให้ครบถ้วนด้วย”

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า “การลงนามในบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการให้ความรู้ และส่งเสริมการจัดทำบัญชีเดียวและงบการเงินอย่างถูกต้องให้กับผู้ประกอบการ SMEs และช่วงนี้เป็นโอกาสอันดีที่กรมสรรพากรเปิดให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถชำระภาษีอากรย้อนหลัง โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ซึ่งอาจมีผู้ประกอบการ SMEs จำนวนไม่น้อยที่ต้องชำระภาษีอากรย้อนหลังและต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจและชำระภาษีอากร ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มดังกล่าว เป็นกลุ่มที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนของกรมสรรพากรได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวทางให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทั้ง 3 ด้าน คือ เติมความรู้ เติมทุน และ เติมคุณภาพชีวิต”

ดร.เอกนิติ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ช่วงนี้เป็นหนึ่งเดือนสุดท้ายของกำหนดระยะเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2561 ด้วย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการจัดทำบัญชีชุดเดียวและงบการเงินให้ถูกต้อง และยื่นแบบแสดงรายการภาษี ภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 อย่างไรก็ตามกรณีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางอินเทอร์เน็ตจะสามารถยื่นแบบได้ถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2562 ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้จัดเตรียม Tax Ambassador ประจำสำนักงานสรรพากรพื้นที่ และสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา เพื่อให้บริการแนะนำความรู้ความเข้าใจในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลและการชำระภาษีกรมสรรพากรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สมเป็น “กรมสรรพากรยุคใหม่” ที่จะพัฒนาการบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เสียภาษีอย่างแท้จริง