กูรูชี้สหรัฐยิงปืนใส่เท้าตัวเองกรณีคว่ำบาตรอิหร่าน

กูรูชี้สหรัฐยิงปืนใส่เท้าตัวเองกรณีคว่ำบาตรอิหร่าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงมีความวิตกกังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความตั้งใจของสหรัฐที่จะสกัดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงโดยสิ้นเชิง อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสหรัฐและนานาประเทศ หลังการผ่อนผันให้ผู้ซื้อน้ำมันอิหร่านเป็นระยะเวลา 180 วันของสหรัฐ สิ้นสุดลง

ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ว่า สหรัฐจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอีกครั้งกับทุกประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค.เป็นต้นไป

นายไบรอัน ฮุค ผู้แทนพิเศษสหรัฐด้านกิจการอิหร่าน ให้ความเห็นว่า สหรัฐกำลังจะทำให้อิหร่านถูกตัดขาดทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของอิหร่าน แต่นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อแรงกดดันของสหรัฐ

นายซารีฟกล่าวที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ว่า จะหาทางเพื่อรับมือกับแรงกดดันของสหรัฐ อิหร่านได้ดำเนินการรับมือกับแรงกดดันนี้มานาน 40 ปีแล้ว และจะเดินหน้าทำต่อไป

นางบาร์บารา สเลวิน ผู้อำนวยการของโครงการริเริ่มอนาคตอิหร่านของสภาแอตแลนติก ระบุว่า การตัดสินใจของสหรัฐเกี่ยวกับเรื่องนี้จะให้ผลในทางตรงกันข้าม

“การตัดสินใจของสหรัฐก่อให้เกิดผลตรงกันข้าม เพราะจะไม่ทำให้อิหร่านกลับสู่โต๊ะเจรจา และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีในระดับภูมิภาคของอิหร่านได้อย่างมีนัยสำคัญ” นางสเลวิน กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้ต่อความเป็นปรปักษ์ของสหรัฐ อิหร่านอาจตอบโต้ด้วยการทำให้การบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานกับสหรัฐเป็นเรื่องที่ลำบากมากยิ่งขึ้น และเสริมว่า อิหร่านอาจกดดันอิรักให้ขับไล่กองทัพของสหรัฐด้วย ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ในเยเมนเลวร้ายลงอีก

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ความเคลื่อนไหวของสหรัฐจะเผชิญกับการตอบโต้จากกลุ่มผู้นำเข้าน้ำมันอิหร่านรายใหญ่ เริ่มจากตุรกี ที่ประกาศชัดเจนว่า จะไม่ยอมรับการคว่ำบาตรต่อการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน และเตือนว่า การดำเนินการของสหรัฐที่ยุติการยกเว้นการนำเข้าน้ำมันของอิหร่าน จะไม่ช่วยสนับสนุนสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาค

ด้านนายฮิโรชิเกะ เซโกะ รมว.อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นกับอิหร่านมีความสำคัญ ญี่ปุ่นจะหาทางหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อันตรายอันเนื่องมาจากการตัดสินใจของสหรัฐที่มีต่อปริมาณพลังงานของญี่ปุ่น

ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะหาทางรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมันโลก หลังจากที่สหรัฐตัดสินใจไม่ขยายระยะเวลาในการยกเว้นมาตรการคว่ำบาตรสำหรับการซื้อน้ำมันจากอิหร่าน

แม้ทำเนียบขาวระบุหลายครั้งว่า ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จะร่วมมือกันเพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันอิหร่านที่หายไปในตลาด สหรัฐก็อาจจะเผชิญกับความยากลำบากในการรักษาเสถียรภาพตลาด

ซาอุดิอาระเบียระบุว่า จะร่วมมือกับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อรับประกันในเรื่องปริมาณน้ำมัน ขณะที่นายซูเฮล โมฮัมหมัด อัล มัสรูอี รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระบุว่า จะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อสร้างสมดุลให้กับตลาด

นายแรนดอล์ฟ เบลล์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานโลกของสภาแอตแลนติกระบุว่า แถลงการณ์ที่คลุมเครือของซาอุดิอาระเบีย บ่งชี้ว่า ซาอุฯอาจหาประโยชน์จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในระยะสั้น

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องในเวเนซุเอลาและลิเบีย ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่  บรรดาผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงในอนาคตอันใกล้

ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีโดยนัลด์ ทรัปม์ ไม่ต้องการที่จะได้ยิน โดยสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ทวีตมากกว่า 10 ครั้งเกี่ยวกับราคาน้ำมันระหว่างการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาในช่วง 2 ปีแรก

โพลิติโค  ซึ่งเป็นสำนักข่าวการเมืองของสหรัฐแสดงความเห็นว่า “ความพยายามของปธน.ทรัมป์ที่จะตรึงราคาน้ำมัน เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของน้ำมันในระบบเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้น สามารถทำให้ปริมาณเงินของผู้บริโภคลดลงอย่างรวดเร็ว มีความสัมพันธ์อย่างมากกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

นายทิม แดสส์ นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันของออยล์ไพรซ์ดอทคอม ระบุว่า การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ ที่ยุติการยกเว้นการนำเข้าน้ำมันของอิหร่าน เป็นการยิงใส่เท้าของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2563 กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงมีความวิตกกังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้น