ความจงรักภักดีแรงผลักดัน 'งานจิตอาสา'

ความจงรักภักดีแรงผลักดัน 'งานจิตอาสา'

เพื่องานพระราชพิธีฯ ...ความจงรักภักดีแรงผลักดัน "งานจิตอาสา"

ขณะที่อีกด้านหนึ่งของประชาชนที่เดินทางมาทำงานจิตอาสา อย่างนางดาวไสว ภิรมย์ชื่น อายุ 54 ปี พนักงานธุรการประจำสำนักกฎหมาย ย่านบางขุนพรหม และนางพรพิมล สุตะภักดิ์ อายุ 53 ปี แม่บ้านจาก อ.สัตหีบ ร่วมกันนำถุงดำขนาดใหญ่ออกเดินตระเวนเก็บขยะรอบนอกสนามหลวง

ทั้งคู่เล่าว่า จากความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน และหลังจากได้เริ่มงานจิตอาสา ตั้งแต่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 ในการร่วมทำดอกไม้จัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างความรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด แต่ความรู้สึกนั้นกลับกลายเป็นความตั้งใจของความต้องการทำงานจิตอาสาในทุกพระราชพิธี

ความจงรักภักดีแรงผลักดัน \'งานจิตอาสา\'

นางดาวไสว กล่าวว่า จากงานจิตอาสาในพระราชพิธีครั้งนั้น มันได้สร้างความภูมิใจจากที่ได้ร่วมทำประโยชน์ในงานพระราชพิธี และมันยังสร้างจิตใจของการเป็นจิตอาสาด้วย ทำให้ทั้งตนและนางพรพิมล ชอบออกไปทำงานจิตอาสาให้กับงานกิจกรรมต่างๆ ในท้องถิ่นตัวเองด้วย

“นอกจากจะเก็บขยะแล้ว เราจะพยายามให้ข้อมูลในงานพระราชพิธีในเรื่องที่เราพอจะตอบคำถามได้ เช่น จุดตั้งโรงทาน ห้องนำ เป็นต้น”

ด้านนางพรพิมล กล่าวแย้งว่า ภาคภูมิใจอาจยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหตุผลจริงๆ คือ เราอยากใกล้ชิดในหลวงมากกว่า และที่เราตั้งใจมาเก็บขยะ ก็เพราะเราอยากเข้าเฝ้า เพราะระหว่างที่เราเก็บขยะ มันเป็นโอกาสให้เราได้เลือกสถานที่เฝ้ารับเสด็จในจุดที่ดีที่สุด

ความจงรักภักดีแรงผลักดัน \'งานจิตอาสา\'

ทั้งนี้ นางพรพิมล ซึ่งเดินทางมาจากสัตหีบ ตั้งช่วงเช้าวานนี้(4 พ.ค.) ก่อนจะโดยสารรถประจำทาง ที่รัฐบาลจัดบริการให้กับประชาชน จากย่านบางนา เพื่อเดินทางมารับถุงขยะจากโรงทานพระราชทาน ที่ตั้งเต็นท์อยู่ภายในสนามหลวง ตั้งแต่ช่วงเที่ยง พร้อมเริ่มงานจิตอาสาในทันที แม้ต้องแบกกระเป๋าเสื้อผ้า 4 ชุด ที่เตรียมมาพักค้างแรมที่บ้านพักย่านสามพราน ของนางดาวไสว

“วันที่ 5 พ.ค.จะนำถุงดำมาเอง และตั้งใจจะมาเก็บขยะทุกวันจนสิ้นสุดงานพระราชพิธี” นางพรพิมล กล่าว