ป.ป.ส.ตรวจกัญชาของกลาง หวังใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

ป.ป.ส.ตรวจกัญชาของกลาง หวังใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

ป.ป.ส.ตรวจกัญชาของกลางกว่า 1 ตัน หวังใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 พ.ค.62 ที่ สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) แถลงสุ่มตรวจตัวอย่างของกลางกัญชา เพื่อหาสารปนเปื้อนที่ได้จากการจับยึด 2 คดี โดยกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รวมของกลางกัญชา น้ำหนักกว่า 1 ตัน ขั้นต้นหากพบว่าสามารถใช้ประโยชน์กัญชาในทางการแพทย์ได้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการประสานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

นายนิยม กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการศึกษาวิจัยและเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางเพื่อการศึกษาวิจัย การจัดหาและการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ภายหลังพ้นกำหนดนิรโทษกรรม 90 วัน โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานหน่วยจับกุม เพื่อสุ่มตรวจตัวอย่างของกลางเพื่อหาสารปนเปื้อน โลหะหนักต่างๆ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และมีความปลอดภัยต่อประชาชน จะดำเนินการประสานขออนุญาตครอบครองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในการขอใช้ประโยชน์จากของกลางต่อไป

นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. ยังได้ประสานหน่วยจับกุมของกลาง เพื่อชะลอการเผาทำลาย ซึ่งได้ขออนุญาตครอบครองกัญชาจาก อย. ไว้แล้ว จำนวนทั้งหมด 43 คดี น้ำหนักรวมกว่า 22 ตัน จับกุมได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 61 - 31 มี.ค. 62 เพื่อมาสุ่มตรวจพิสูจน์หาสารปนเปื้อนฯ โดยจะดำเนินการร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อร่วมดำเนินการตรวจสอบฯ ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะพิจารณาขอความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยของรัฐเข้ามาร่วมดำเนินการ เพื่อให้สามารถรวบรวมของกลางกัญชาที่ผ่านมาตรฐานให้ได้เร็วที่สุดก่อนจะครบกำหนดนิรโทษกรรมในวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 เพื่อให้ได้มาซึ่งการผลิตน้ำมันกัญชา ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ไร้สารปนเปื้อนและได้มาตรฐานต่อผู้ป่วยเป็นสำคัญ

“คนมีความจำเป็นต้องเข้าถึงยา แต่หายาไม่ได้ เนื่องจากหาวัตถุดิบไม่ได้ เพราะปลูกแล้วกัญชาโตไม่ทัน หรือยังไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูก ทางออกที่เร็วที่สุดคือหาจากที่มีอยู่ แต่ที่มีอยู่เป็นในรูปแบบของของกลางที่ถูกจับ ซึ่งต้องไม่ลืมว่าของกลางที่ถูกจับปลูกในระบบที่ผิดกฎหมาย โดยกัญชาสามารถดูดโลหะหนักได้ดี และมีศัตรูพืชขึ้นได้ง่ายมีการใช้ยาฆ่าแมลง จึงต้องนำของกลางกัญชามาตรวจหาสารปนเปื้อนว่าปลอดภัย ก่อนจะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์” นายนิยม ระบุ

สำหรับขั้นตอนในการนำกัญชาของกลางตรวจหาสารปนเปื้อน เพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องนำไปใช้สกัดน้ำมันกัญชา สำหรับแจกจ่ายให้ผู้ป่วย มีขั้นตอนคือ 1.จะนำกัญชามาตรวจด้วยสารทดสอบว่ากัญชาดังกล่าวว่ามีสาร THC,CBD,CBN หรือไม่ ถ้ามีสารดังกล่าวในชุดทดสอบจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงแดง จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 ในการตรวจสอบหาสารปนเปื้อน เช่น โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง จุลชีพ โดยจะต้องเข้าห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บ ซึ่งจะต้องใช้เครื่องมือเฉพาะในการสกัดดึงสารปนเปื้อนออกมาตรวจสอบว่ามี ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก หรือไม่ ส่วนการตรวจเชื้อราก็จะต้องนำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ทั้งนี้ขั้นตอนที่ 2 จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบหาสารปนเปื้อนประมาณ 1 สัปดาห์ หน่วยงานที่จะตรวจหาสารปนเปื้อนประกอบด้วยสถาบันตรวจพิสูจน์สำนักงานป.ป.ส. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงมหาวิทยาลัยของรัฐต่างๆ เช่น ได้รับการสนับสนุนเครื่องมือในการตรวจหาจุลชีพจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และได้รับการสนับสนุนในการตรวจจากมหาวิทยาลัยมหิดล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สำหรับการตรวจหาสารปนเปื้อนในกัญชาของกลางจะสุ่มตรวจ 10 เปอร์เซ็น เช่น ของกลางกัญชา 100 กิโลกรัม จะสุ่มตรวจ 10 กิโลกรัม หากพบว่ามีสารปนเปื้อนของกลางกัญชาชุดนั้นจะต้องถูกทำลายตามขั้นตอนของหน่วยจับกุมหรือหน่วยเก็บรักษา กัญชาที่จะนำมาสกัดน้ำมันกัญชาได้นั้นจะต้องผ่านการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการมีผลยืนยันว่ากัญชาที่ตรวจแต่ละครั้งไม่มีสารปนเปื้อนปลอดภัย 100 เปอร์เซ็น ก็จะแจกจ่ายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรที่ได้รับอนุญาตนำไปใช้สกัดน้ำมันกัญชาต่อไป