'กัลฟ์' ไม่หยุดลงทุนถือหุ้นโรงไฟฟ้าเวียดนามเพิ่ม 95%

'กัลฟ์' ไม่หยุดลงทุนถือหุ้นโรงไฟฟ้าเวียดนามเพิ่ม 95%

“กัลฟ์”ขยายลงทุนต่อเนื่อง เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนหุ้นโครงการ”แม่โขง”ในเวียดนามจาก 49% เป็น 95% พร้อมตั้งบริษัททำระบบจ่ายไฟฟ้า-น้ำเย็นป้อน”วัน แบงคอก”

บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ (24 เม.ย.) อนุมัติให้บริษัทเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการ Mekong ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ในเวียดนาม ผ่านบริษัท Gulf International Holding Pte. Ltd. (GIH) จาก 49% เป็น 95%


โดยในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) GIH จะเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาผู้ถือหุ้นกับ Ms. Huynh Bich Ngoc ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท Thanh Thanh Cong Group (TTC Group) และจะชำระค่าหุ้นที่ราคาพาร์ เป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการโอนหุ้นได้หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
โครงการ Mekong ตั้งอยู่ที่ตำบล Binh Dai จังหวัด Ben Tre ประเทศเวียดนาม มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้นประมาณ 340 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล ขนาด 310 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 30 เมกะวัตต์ โดยโครงการดังกล่าวจะผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity: EVN) เป็นระยะเวลา 20 ปี


ทั้งนี้ โครงการพลังงานลมในทะเล จะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 3/2562 และจะทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2564-2566 สำหรับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 30 เมกะวัตต์นั้น กำลังอยู่ระหว่างรออนุมัติจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าประเทศเวียดนาม


การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ Mekong Wind Power Joint Stock Company (Mekong) เนื่องจากเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศเวียดนามและพิจารณาแล้วเห็นว่าโครงการ Mekong เป็นโครงการที่มีศักยภาพที่จะรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเวียดนามในอนาคต


นอกจากนี้คณะกรรมการยังอนุมัติให้บริษัทจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท แบงค็อก สมาร์ท เอ็นเนอร์จี จำกัด (BSE) ด้วยทุนจดทะเบียน 999,000 บาท GULF จะถือหุ้นทั้ง 100% ของทุนจดทะเบียน ซึ่ง BSE จัดตั้งขึ้นเพื่อถือหุ้นในบริษัทอื่น เพื่อดำเนินโครงการระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า และระบบผลิตน้ำเย็นแบบรวมศูนย์ ให้แก่โครงการ One Bangkok ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร โดยบริษัทมีแผนจะร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจดังกล่าว ภายหลังจากการร่วมทุนกับพันธมิตรแล้วสัดส่วนการถือหุ้นใน BSE จะลดลงเหลือ 33%