'บอร์ดอีอีซี' รับทราบความคืบหน้า 4 บิ๊กโปรเจ็ค ลงทุน6.5แสนล้าน

'บอร์ดอีอีซี' รับทราบความคืบหน้า 4 บิ๊กโปรเจ็ค ลงทุน6.5แสนล้าน

"บอร์ดอีอีซี" รับทราบความคืบหน้า 4 โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 6.5 แสนล้าน มั่นใจลงนามสัญญากับเอกชนได้ภายในรัฐบาลนี้ ยันโครงการไฮสปีดเทรนด์เชื่อม 3 สนามบินไม่ซ้ำรอยโครงการโฮปเวลล์

เมื่อวันที่ 23 เม.ย.62 นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า การผลักดันโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทั้ง 4 โครงการ ได้แก่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 สามารถเดินหน้าได้ โดยทั้ง4 โครงการมูลค่าลงทุนรวม 6.5 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปี โดยทุกโครงการมีความคืบหน้าไปมากและจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.รวมทั้งลงนามในสัญญากับภาคเอกชนที่ชนะการประมูลโครงการได้ภายในรัฐบาลนี้

ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจะบรรลุข้อตกลงในการเจรจาภายใน 26 เม.ย.62 ก่อนที่จะให้อัยการสูงสุดร่างสัญญากับเอกชน จากนั้นจะนำเอาผลการเจรจาครั้งสุดท้ายเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ กพอ.ในวันที่ 15 พ.ค. ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันที่ 28 พ.ค. 62 จากนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ได้รับการคัดเลือก โดยคาดว่าขั้นตอนทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค. 2562

“โครงการนี้เป็นรูปแบบการร่วมทุนพีพีพี โดยภาครัฐลงทุนน้อยที่สุด เพื่อภาครัฐจะได้ประหยัดงบประมาณ โดยสามารถนำงบประมาณไปใช้พัฒนาคนและบริการขั้นพื้นฐานของผู้มีรายได้น้อย และประชาชนในด้านอื่น จะไม่ซ้ำรอยโครงการโฮปเวลล์ ที่รัฐบาลต้องจ่ายชดเชยค่าโง่ให้กับภาคเอกชน โดยเจ้าของโครงการและสกพอ. ทำงานร่วมกันอย่างหนักในการเขียนสัญญาต่างๆ อย่างรอบครอบ และกำหนดว่าโครงการจะต้องก่อสร้างให้เสร็จก่อนแล้วรัฐถึงจะจ่ายเงินให้เอกชน ซึ่งอาจทำให้โครงการมีต้นทุนที่สูงบ้างแต่ก็สร้างความมั่นใจได้ว่าโครงการจะดำเนินการได้ตามขั้นตอนโดยไม่สร้างความเสียหายให้กับภาครัฐ” นายคณิศ กล่าว