'สมคิด' ลุยจีนดันอู่ตะเภา

'สมคิด' ลุยจีนดันอู่ตะเภา

โรดโชว์จีน 27-29 เม.ย.นี้ สกพอ.ลงนามเอ็มโอยู 2 ฉบับ ร่วมมือพัฒนาศูนย์กลางการบินคู่ขนาน “เจิ้งโจว-อู่ตะเภา” หนุนร่วมผลักดันโลจิสติกส์การบิน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน เชื่อมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง “คณิศ” หวังเชื่อมการลงทุนอีอีซี

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ระบุว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะร่วมคณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation (BRF) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 26-27 เม.ย.2562 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

พล.อ.ประยุทธ์ จะได้พบปะหารือกับนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน และนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ถึงแนวทางการผลักดันความร่วมมือทวิภาคี โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและดิจิทัล และการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนในอนุภูมิภาคและภูมิภาค

จากนั้นนายสมคิด จะเดินทางไปโรดโชว์ที่มณฑลเหอหนานร่วมกับ สกพอ.ในวันที่ 27-29 เม.ย.2562 เพื่อผลักดันความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการพัฒนาอีอีซี

'สมคิด' ลุยจีนดันอู่ตะเภา

ดันศูนย์การบินคู่ขนาน

สำหรับ การเดินทางเยือนมณฑลเหอหนานครั้งนี้ สกพอ.มีกำหนดลงนามร่างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 2 ฉบับ คือ 1.ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง สกพอ.กับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงการศูนย์การบินคู่ขนาน (Aviation Dual Hub Project) ระหว่างจีนตอนกลางและภูมิภาคอาเซียน

ร่างบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ครอบคลุมการเสริมสร้างความร่วมมือในการวางแผนพัฒนาพื้นที่สนามบิน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เช่น โลจิสติกส์การบิน การซ่อมบำรุงอากาศยาน หลักสูตรอบรมบุคลากร การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันภายใต้กรอบข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

ร่วมมือหนุนมหานครการบิน

2.ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่าง สกพอ.กับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว มีสาระสำคัญเป็นความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลการวางแผนและการบริหารจัดการมหานครการบินระหว่างกัน โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือในกิจกรรมการพัฒนาอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น เที่ยวบิน การค้า และการลงทุน

สำหรับร่างบันทึกความเข้าใจทั้ง 2 ฉบับ ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (กรศ.) หรือ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ในปัจจุบัน มีมติเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2560 ให้ศึกษาการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอากาศยานนครเจิ้งโจว ซึ่งเป็นต้นแบบของเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ประยุกต์การเชื่อมต่อการขนส่งทางอากาศเข้ากับการขนส่งรูปแบบอื่นและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาพื้นที่รอบสนามบินอู่ตะเภาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โมเดลเมืองการบิน “เจิ้งโจว”

ทั้งนี้ สกพอ.ประสานกับ Zhengzhou Airport Economy Zone (ZAEZ) ที่กำกับดูแลการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอากาศยานนครเจิ้งโจว โดยเป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลมณฑลเหอหนาน ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบ 415 ตารางกิโลเมตร และมีสนามบินนานาชาติเจิ้งโจวซินเจิ้งเป็นศูนย์กลางการพัฒนา

รวมทั้ง สกพอ.ส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาดูงานเชิงลึกและศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างกรอบความร่วมมือเมื่อเดือน ส.ค.2561 ซึ่ง ZAEZ จะร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ในการพัฒนามหานครการบิน และส่งเสริมความร่วมมือด้านอื่น เช่น การเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งทางอากาศระหว่างอีอีซีกับ ZAEZ และการพัฒนาบุคลากรรองรับการจัดตั้งสถาบันมหานครการบิน รวมถึงการจัดการด้านผังเมืองและการใช้ประโยชน์ในที่ดิน การท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การส่งเสริมวิจัยและพัฒนา

รวมทั้งเป็นการสนับสนุนโครงการ “One Belt One Road” หรือเส้นทางสายไหมในศตวรรษที่ 21 ของจีน โดยใช้โครงการอีอีซี ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นตัวขับเคลื่อนร่วมกัน

รองรับอุตสาหกรรมขั้นสูง

สำหรับเขตเศรษฐกิจสนามบินเจิ้งโจว มีพื้นที่ 415 ตารางกิโลเมตร จัดตั้งเมื่อปี 2553 และได้รับการอนุมัติเป็นเขตเศรษฐกิจสนามบินเจิ้งโจวเมื่อเดือน มี.ค.2556 ถือว่าเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจสนามบินระดับรัฐแห่งแรกในประเทศจีน แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.เขตสนามบิน 160 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมสนามบินและเขตอุตสาหกรรมการบิน เช่น การผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน การขนส่งสินค้าทางอากาศ 50 ราย รวมถึงผู้ให้บริการส่งสินค้าด่วน เช่น ไชน่าโพสต์ ดีเอชแอล ยูพีเอส รวมทั้งเป็นที่ตั้งของแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ สถานีรถไฟความเร็วสูง

2.เขตอุตสาหกรรมขั้นสูง 59.8 ตารางกิโลเมตร เป็นที่ตั้งโรงงาน เช่น อุปกรณ์ไอที รวมถึงผลิตอุปกรณ์การบินและอวกาศ เช่น คอมโพสิตคาร์บอนไฟเบอร์

3.เขตบริการชุมชน 100 ตารางกิโลเมตร รองรับการบริการธุรกิจที่ทันสมัย เช่น การเช่าเครื่องบิน การเงิน รวมทั้งมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริการทางวิทยาศาสตร์ เช่น วิศวกรรมซอฟต์แวร์ คลาวด์คอมพิวติ้ง และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจการศึกษาและการแพทย์ และพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัยแบบผสมผสาน เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยในเมืองและโรงเรียนนานาชาติ

“คณิศ”ชี้อู่ตะเภาเดินหน้า

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8-11 เม.ย.ที่ผ่านมานายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ.เดินทางไปโรดโชว์การลงทุนที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน โดยเข้าร่วมงานสัมมนาการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ ครั้งที่ 13 เพื่อชักจูงการลงทุนมาในอีอีซี

นายคณิศ กล่าวในเวทีการสัมมนาการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่านักลงทุนจากจีนได้แสดงความสนใจลงทุนในอีอีซี โดยจะมีนักลงทุนจากมณฑลเหอหนานไปลงทุนในอนาคต ซึ่งขณะนี้แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซีเริ่มมีความชัดเจนแล้ว รวมทั้งความพร้อมการลงทุนเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ครอบคลุมพื้นที่ 30 กิโลเมตร จากสนามบินอู่ตะเภา โดยเมืองการบินอู่ตะเภาจะเป็นความร่วมมือสำคัญสอดรับกับเมืองมหานครการบินของเจิ้งโจว ซึ่งเป็นการเปิดประตูการค้าจากจีนมาที่อาเซียน