ไปไหนไม่ไกล

ไปไหนไม่ไกล

SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน มีแนวโน้มคลี่คลายลง

โดยหุ้นกลุ่ม Big Cap ที่หนุนตลาดวานนี้ได้แก่  BDMS PTT PTTEP  ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,675.00 จุด (+1.80 จุด) Volume 4.7 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -1,089.22 ลบ. TFEX Net
-12,064 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ -315 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดบวกขานรับข้อมูลศก.สหรัฐที่แข็งแกร่งและผลประกอบการที่สดใสของบจ.

+ราคาน้ำมัน WTI +24 เซนต์ ปิด $64 ต่อบาร์เรลขานรับรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง และสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงสวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

+สหรัฐเผยยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.+1.6% พุ่งสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งดีกว่าคาดที่ +0.9% หนุนนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการ GDP 1Q62

+ประธานเฟดดัลลัสเผยเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้

+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 5,000 รายสู่ 192,000 รายต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี

-มาร์กิตเผยดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 52.8 ต่ำสุดในรอบ 31 เดือน

- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.02 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 31.78 บาท/US

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีบวกต่อไม่มากโดยมีปัจจัยกดดันมาจากผลประกอบการของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง แต่ปัจจัยบวกยังคงเป็นความหวังเรื่องสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่มีความหวังว่าจะคลี่คลาย  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,665-1,680 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • กลุ่ม Defensive : กลุ่มค้าปลีก(CPALL MAKRO) กลุ่มท่องเที่ยว(AOT CENTEL ERW) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH) กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO RATCH)
  • หุ้นเข้าใหม่คำนวณในดัชนี MSCI-EM : CENTEL, RATCH, INTUCH, DTAC
  • หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน : SCC EGCO CPN LH TU BANPU BH BBL BDMS KBANK
  • IAA เผยหุ้นเด่นจากผลสำรวจนักวิเคราะห์ : AOT BBL CPALL SCC STEC

 

หุ้นรายงานพิเศษ

  • ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมีมุมมอง Neutral ต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร จากโอกาสในการเติบโตของสินเชื่อ แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สูงเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน แนะนำลงทุนหุ้นธนาคารที่มี yield สูง ได้แก่ KKP yield 9% และ TISCO yield 7.6%

หุ้นมีข่าว   

·         CIMBT มีกำไรในช่วง 1Q62 เท่ากับ 325 ลบ. +92%YoY  เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงาน +3%YoY ตามการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุน การขาย NPL และกำไรสุทธิจากธุรกรรมปริวรรตเงินตรา รวมทั้งสำรองหนี้สูญ -17%YoY หักสุทธิกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ -2% คชจ.ดำเนินงาน +8% จากการขยายงานโครงการ "Fast Forward" ส่งผลให้ Cost to Income Ratio เพิ่มเป็น 60% จาก 57% ใน 1Q61 %NPL คงที่ 4.3%  อัตราส่วนค่าเผื่อสงสัยจะสูญต่อ NPL (Coverage Ratio) 109.5% เพิ่มเล็กน้อยจาก 107% ณ ปลายมี.ค.61

·         TMB รายงานกำไร 1Q62 ต่ำกว่า consensus คาด 16% โดยมีกำไรสุทธิ 1,579 ลบ. -7%QoQ -31%YoY จากการบันทึกคชจ.ผลประโยชน์พนักงานซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ 3.8 พันลบ. -9% โดยมีรายได้ดบ.สุทธิ +3%YoY ทรงตัว QoQ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ -15%QoQ -37%YoY สินเชื่อ +0.2%YTD เติบโตไม่มากทำให้แม้มี write off  NPL  2.5 พันลบ. แต่ %NPL ยังเพิ่มเป็น 2.81% จาก 2.76% ณ สิ้นปี 61 อัตราส่วนสำรองฯต่อ NPL (Coverage Ratio) 145% ลดจาก 152% ณ ปลายปี 61

·         LHFG รายงาน 1Q62 มีกำไรสุทธิ 807 ลบ. +4.6%YoY แม้มีรายได้ดบ.สุทธิ -4.3%YoY และรายได้ที่มิใช่ดบ.สุทธิ -15.5%YoY คชจ.เกี่ยวกับพนักงาน + 11%YoY แต่มีคชจ.สำรองหนี้สูญลดลงถึง 70%YoY สินเชื่อสุทธิ +2.4%YTD จากการเติบโตของสินเชื่อขนาดใหญ่ %NPL 2% ธุรกิจหลักทรัพย์มีกำไร 26 ลบ. - 83% จากรายได้ค่านายหน้าลดลง 60%YoY ธุรกิจบลจ.มีกำไร 24 ลบ. -23%YoY จากรายได้ค่าธรรมเนียมลดลงโดยมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 6.8 หมื่นลบ. +7%YoY

·         TISCO แจ้ง 1Q62 มีกำไรสุทธิ 1,730 ลบ.ดีกว่า consensus คาด 3% +5%QoQ -2%YoY เนื่องจากรายได้รวม -15%YoY จากรายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวและไม่มีกำไรพิเศษจากเงินลงทุนเช่นใน 1Q61 ขณะที่คชจ.ดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าชดเชยผลปย.พนักงาน สำรองหนี้สูญ -83%YoY เนื่องจากการตั้งสำรองกลับสู่ระดับปกติ สินเชื่อ +0.4%YTD %NPL เพิ่มขึ้นสู่ 3.02% จาก 2.86% ณ สิ้นปี 61 แต่ไม่น่ากังวลเพราะ NPL ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากลูกหนี้ธุรกิจรายหนึ่งประสบปัญหาชำระหนี้

·         BBL แจ้ง 1Q62 มีกำไรสุทธิ 9,028 ลบ. ทรงตัว YoY +11%QoQ ดีกว่า Consensus คาด 5% รายได้ดบ.สุทธิ +7% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มจาก 2.34% เป็น 2.48% รายได้ที่มิใช่ดบ. -28.3% จากเงินลงทุนลดลงและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลและค่าอำนวยสินเชื่อลดลง คชจ.ดำเนินงาน -3.1% เนื่องจากตั้งสำรองผลปย.พนักงานไปแล้วใน 4Q61 สินเชื่อ -2.6%YTD %NPLอยู่ที่ 3.5% และอัตราส่วนสำรองหนี้สงสัยจะสูญต่อ NPL (Coverage Ratio) 189%

·         TCAP แจ้งกำไรสุทธิในช่วง 1Q62 เท่ากับ 2,016 ลบ. +6%YoY ทรงตัว QoQ ดีกว่า Consensus คาด 15% รายได้ดบ. +6.25% จากปริมาณสินเชื่อและสวนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น  รายได้ที่มิใช่ดบ.-8.15% เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและกําไรสุทธิจากเงินลงทนลดลง คชจ.ดําเนินงาน -7.13% กําไรจากการดําเนินงานก่อนตั้งสำรอง (PPOP) 6,098 ลบ.+10.25% NPL -31% ส่งผลให้ %NPL ลดเหลือ 2.28% จาก 2.4% ณ ปลายปี 61.Coverage Ratio ทรงตัวที่ 120.85%

·         SC-BCPG ร่วมมือติดตั้งโซลาร์รูฟให้ลูกบ้านและสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ในโครงการ"เนเบอร์ฮูด บางกะดี" ซึ่งจะพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 7 โครงการ ประมาณ 1,800 ยูนิต และมีความร่วมมือในโครงการ “Sun Share Project” เริ่มบางส่วนใน 2 โครงการแรกที่เปิดขาย ได้แก่ โครงการ เวนิว ติวานนท์-รังสิต กับ โครงการเวิร์ฟ ติวานนท์-รังสิต คาดจะใช้งานได้ราว 4Q62 อนาคตจะร่วมพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนเชื่อมต่อกับแอพฯบ้านรู้ใจ

  • BEAUTY (ราคาปิด 7.10 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 7.19)จับมือพันธมิตรบุกตลาดอินเดียวางแผนจัดจำหน่ายในปีนี้ 120 สาขา เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศเต็มสูบ ชูกลยุทธ์ Strategic Partnership เล็งเจาะตลาดรัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บรูไน และแคนาดา เพิ่ม ดันยอดขายต่างประเทศเติบโตมากกว่า 35% (ที่มา : ทันหุ้น)
  • GUNKUL(ราคาปิด 3.14 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 4.27) แย้มผลงานไตรมาส 2/62 โตเด่น COD โรงไฟฟ้าเต็มสูบ พร้อมดีลโรงงานติดตั้งแผงโซลาร์ทั้งในและต่างประเทศรวมกว่า 40-90 MW ดัน PPA แตะ 500-550 MW สิ้นปี พร้อมลุยประมูลงานก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อยและระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เชื่อรายได้ปี 2562 โต 25% แตะ 8 พันล้านบาท (ที่มา : ทันหุ้น)