'ซีไอเอ็มบีไทย' โชว์กำไรไตรมาส1/62 พุ่ง 92.4% เหตุรายได้โต-ตั้งสำรองลดลง

'ซีไอเอ็มบีไทย' โชว์กำไรไตรมาส1/62 พุ่ง 92.4% เหตุรายได้โต-ตั้งสำรองลดลง

'ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย' ไตรมาส1/2562 กำไรสุทธิ 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.4 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุ รายได้เพิ่มขึ้ 3.4% รวมถึงตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง 17.4 % ขณะที่ เอ็นพีแอลคงที่อยู่ที่ 4.3 %

 นายโอมาร์ ซิดดิก บิน อามิน โนเออร์ ราชิด รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือCIMBT แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า   ไตรมาส 1/2562 ธนาคารฯมีกำไรสุทธิ 325 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 92.4 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  168.88 ล้านบาท  เนื่องจาก รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 3.4 %  และการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญ17.4% 

 ทั้งนี้รายได้ไตรมาส1/2562 อยู่ที่ 3,496.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4 % เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 111.8 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.3 % เป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนรายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้น 3.4 %  สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ และกำไรสุทะจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของขาดทุนสุทธิจากหนี้สินทางการเงินที่กำหนดให้แสดงด้วยมูลค่ายุติธรรม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 1.7% เกิดจากการเพิ่มขึนของค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมและบริการ

 สำหรับอัตรารายได้ดอกเบี้ยสิทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) ไตรมาส1/2562 อยู่ที่ 3.31 % ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.98 % เพราะต้นทุนเงินฝากที่เพิ่มขึ้น  ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPLs) อยู่ที่ 10,000 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 4.3 % คงที่เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2561 โดยธนาคารฯยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริการความเสี่ยงที่รัดกุม ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลลูหน้แะติดตามหนี้ อัตราส่วนเผื่อหนี้สงสัยจะสูยต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นมี.ค. 2562 อยู่ที่ 109.5 % เพิ่มขึ้น จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 107 %  และ มีเงินสำรองของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 11,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินจากเงินสำรองขั้นต่ำตรมเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 5.4 พันล้านบาท 

ส่วนเงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคารณสิ้น มี.ค. 2561 อยู่ที่ 48.1 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 18.9 % โดยอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่1อยู่ที่ 13.8% นอกจากนี้ณ สิ้นมี.ค. 2562 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี ของกลุ่มะนาคารอยู่ที่ 230.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมือ่เทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นปี 2561  กลุ่มธนาครารมีเงินฝาก จำนวน 235 พันล้านบาท  เพิ่มขึ้น 0.3 % จากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 234 .3 พันล้านบาท   อัตราสินเชื่อต่อเงินฝาก ของกลุ่มะนาคารเพิ่มขึ้น 98.3 % เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 97.2 %