อินเทลเลิกทำโมเด็ม 5 จีสมาร์ทโฟน

อินเทลเลิกทำโมเด็ม 5 จีสมาร์ทโฟน

อินเทล บริษัทอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากสหรัฐ แถลงถอนตัวจากธุรกิจโมเด็มสมาร์ทโฟน 5 จี ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากควอลคอมม์ และแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ยกเลิกการฟ้องร้องคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั่วโลกระหว่าง 2 บริษัท

อินเทล แถลงเมื่อวันอังคาร (16 เม.ย.) ตามเวลาสหรัฐว่า บริษัทจะพิจารณาว่าจะทำชิพโมเด็ม 4จีและ 5 จี ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) อุปกรณ์ไอโอที และเครื่องมือเน้นข้อมูลอื่นๆ ต่อไปหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะลงทุนในธุรกิจอุปกรณ์เครือข่าย 5G ต่อไป

แถลงการณ์จากนายบ็อบ สวอน ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ระบุ “5 จียังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญอันดับหนึ่งของอินเทล ทีมงานได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ไร้สายและทรัพย์สินทางปัญญาอันทรงคุณค่า ขณะนี้เรากำลังประเมินทางเลือกสร้างสินค้าให้มีความหมาย รวมถึงโอกาสในการขยายแพลตฟอร์มเน้นข้อมูลและเครื่่องมือในยุค 5จี”

แม้ว่าอินเทลไม่มีแผนเปิดตัวโมเด็มสมาร์ทโฟน 5 จี จากที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเปิดตัวปี 2563 แต่สำหรับลูกค้าเก่าที่สั่งซื้อโมเด็ม 4จีสำหรับสมาร์ทโฟน อินเทลจะยังเดินสายการผลิตสินค้ากลุ่มนี้ให้ต่อ

แถลงการณ์จากอินเทลเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากแอ๊ปเปิ้ลอิงค์และควอลคอมม์ประกาศจูบปากกันเห็นพ้องยกเลิกการฟ้องร้องคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั่วโลกระหว่าง 2 บริษัท

นอกจากนี้ แอ๊ปเปิ้ลและควอลคอมม์ยังได้บรรลุข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์ระยะเวลา 6 ปีมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2562 รวมถึงทางเลือกในการขยายสิทธิระยะเวลา 2 ปี และสัญญาการจัดหาชิพเซ็ตเป็นเวลาหลายปี

แถลงการณ์จากควอลคอมม์ระบุว่า ทางแอ๊ปเปิ้ลจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับควอลคอมม์ด้วย แต่ไม่ได้เผยว่าเป็นยอดเงินเท่าใด

การใช้เครือข่าย 5จี ที่เร็วสุดๆ ในปัจจุบันจำเป็นต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อและโครงสร้างเครือข่ายเป็นการเฉพาะ เดิมทีแอ๊ปเปิ้ลมีคดีความกับควอลคอมม์ จำต้องหันไปหาอินเทล แต่เนื่องจากควอลคอมม์มีชิพ 5 จีพร้อมแล้ว ขณะที่อินเทลยังอยู่ในขั้นพัฒนา การยอมความกันย่อมหนุนให้แอ๊ปเปิ้ลต่อกรกับซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ และผู้ผลิตสมาร์ทโฟน 5 จีอื่นๆ ได้

นักวิเคราะห์มองว่า นี่คือชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับควอลคอมม์ ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทพุ่งขึ้น 23% ไปอยู่ที่ 70.45 ดอลลาร์ในช่วงซื้อขายปกติ เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 19 ปี จากนั้นราคาทะลุ 75.25 ดอลลาร์หลังชั่วโมงการซื้อขาย จนอินเทลต้องแถลงเลิกทำชิพโมเด็ม แต่หุ้นอินเทลกลับขยับขึ้น 2.7% อยู่ที่ 58.25 ดอลลาร์ เนื่องจากธุรกิจโมเด็มมีสัดส่วนรายได้เพียงเล็กน้อย