สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจสิงคโปร์โตต่ำสุด

สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจสิงคโปร์โตต่ำสุด

การเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีเบื้องต้นของสิงคโปร์มีขึ้นในวันเดียวกับที่นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของรัฐบาลทั่วโลกพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินนโยบายการค้าที่ผิดพลาด

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ช่วงเดือนมกราคมและมีนาคมชะลอตัวอยู่ที่ 1.3%เนื่องจากอุตสาหกรรมภาคการผลิตปรับตัวลง เพราะผลพวงจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อยาวนานถือเป็นอัตราการเติบโตต่่ำที่สุด เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงปี 2552 ที่เศรษฐกิจของสิงคโปร์ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลก

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ (เอ็มทีไอ) เปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไตรมาสแรก 1/2562 ขยายตัว 1.3% เมื่อเทียบรายปี โดยจีดีพีไตรมาส 1 ของสิงคโปร์ชะลอตัวลงจากไตรมาส 4/2561 ที่มีการขยายตัว 1.9% และลดลงจากตลอดปี 2561 ซึ่งมีการขยายตัว 3.2%

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสและปรับค่าตามฤดูกาลแล้วพบว่าจีดีพีไตรมาส 1 ของสิงคโปร์ขยายตัว 2% ซึ่งมากกว่าการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว และเมื่อพิจารณาเป็นรายภาคส่วนพบว่า ภาคการผลิตของสิงคโปร์ในไตรมาส 1 ชะลอตัวลง 1.9% เมื่อเทียบรายปี สวนทางกับไตรมาส 4 ที่มีการขยายตัว 5.1% ส่วนภาคการก่อสร้างขยายตัว 1.4% เมื่อเทียบรายปี หลังจากชะลอตัวลง 1% ในไตรมาส 4

การเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีเบื้องต้นของสิงคโปร์มีขึ้นในวันเดียวกับที่นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของรัฐบาลทั่วโลกพยายามหลีกเลี่ยงการดำเนินนโยบายการค้าที่ผิดพลาดและเป็นอันตราย เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงเป็นวงกว้าง ขณะที่แนวโน้มการดีดตัวของเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง

“เราต่างก็ทราบกันมานานหลายสิบปีแล้วว่า การบูรณาการทางการค้าเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพด้านการผลิต นวัตกรรม การเติบโต การจ้างงาน และยังช่วยลดค่าครองชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ประชาชนที่มีรายได้ต่ำ” นางลาการ์ด กล่าวในการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก วานนี้ (12เม.ย.)

ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการดำเนินนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งรวมถึงการดำเนินการผ่านการปฏิรูประบบขององค์การการค้าโลก พร้อมระบุว่า ทุกฝ่ายจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเอง ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีและกำแพงการค้า

นอกจากนี้ นางลาการ์ด ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลก 70% มีแนวโน้มเข้าสู่ในภาวะชะลอตัวในปีนี้ ซึ่งสวนทางกับในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ที่ 75% ของเศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกัน

เมื่อวันอังคาร (9 เม.ย.)ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟได้เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับ 3.3% ในปีนี้ ซึ่งลดลง 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนม.ค. พร้อมกันนี้ไอเอ็มเอฟ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกสร้างกันชนด้านการคลัง และเร่งลดปริมาณหนี้สาธารณะท่ามกลางภาวะขาลงของเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่า ในช่วงเวลาที่การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น การดำเนินนโยบายการคลังควรจะเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะซบเซาลง สร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายการขยายตัวและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ