‘ซัมซุง’เดินกลยุทธ์เจาะมิลเลนเนียล

‘ซัมซุง’เดินกลยุทธ์เจาะมิลเลนเนียล

“ดีเจ โกห์” ประธานธุรกิจโทรคมนาคม “ซัมซุง” เยือนไทย รับถูกแบรนด์จีนแย่งลูกค้า แต่ยังสู้ไม่ถอย เดินหน้าตามโรดแมป ไม่เล่นสงครามราคา ล่าสุดพาเหรดสินค้าใหม่ “เอ ซีรีส์” เจาะมิลเลนเนียล ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดคืน คาดดึงฐานลูกค้ากลับได้ใน 3 เดือน

นายดีเจ โกห์ ประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยในโอกาสมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อร่วมงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนเจเนอเรชั่นใหม่ “ซัมซุง กาแลคซี่ เอ ซีรีส์” ปี 2562 ว่า ซัมซุงต้องการรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไว้ให้ได้ต่อเนื่อง

โดยบทบาทใน 5 ปีจากนี้ มุ่งทำตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยผนวกรวมเทคโนโลยี 5 จี และปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) เข้าไป ซัมซุงต้องการที่จะเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทหลักในอุตสาหกรรม มั่นใจว่าอีโคซิสเต็มส์มีความพร้อม พอร์ทโฟลิโอมีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้ดี

“โรดแมพของซัมซุงให้ความสำคัญทั้งด้านการพัฒนาฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ สำคัญต้องมีความเข้าใจในเทรนด์เทคโนโลยีทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงความต้องการของผู้บริโภค”

ส่วนโอกาสทางการตลาด ยอมรับว่าตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มอิ่มตัว กลุ่มสินค้าไฮเอนด์เติบโตช้าลง แต่เชื่อว่าการมาของ 5 จีจะช่วยเพิ่มสีสัน แต่จะมองแค่สมาร์ทโฟนไม่ได้ต้องให้ความสำคัญไปทั้งอุตสาหกรรมไอที เทียบกับยุคแอลทีอี 5จี จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นอีก 20 เท่า รองรับดีไวซ์ได้มากขึ้น 10 เท่า มีความหน่วงเพียง 10% เท่านั้น

สำหรับแผนการทำตลาดสมาร์ทโฟน 5 จี เพิ่มเติมหลังจากได้เริ่มในเกาหลีใต้ไปแล้ว ประมาณเดือนพ.ค.เตรียมเปิดตัวในสหรัฐ จากนั้นมิ.ย.เดินหน้าต่อที่ยุโรป หลักๆ ปัญหาคือความพร้อมของเครือข่าย หากประเทศใดพร้อมซัมซุงก็พร้อมที่จะผลิตสินค้าให้ ส่วนในไทยยังไม่อาจบอกได้แต่เบื้องต้นคาดว่า 5จี จะพร้อมให้บริการได้ในปลายปีนี้หรือช่วงต้นหน้าปีหน้า

นายโกห์กล่าวว่า การแข่งขันทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งมีการแข่งขันกันในสงครามราคา ทว่าบริษัทจะไม่เดินตาม และทำงานไปตามโรดแมปและกลยุทธ์ที่วางไว้ เน้นฟังเสียงผู้บริโภค ที่ผ่านมากว่าจะออกผลิตภัณฑ์สักรุ่นมีการทำงานร่วมกันหลายฝ่ายทั้งภายใน พันธมิตรภายนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บริโภค

อย่างไรก็ดี จากแต่ก่อนนวัตกรรมล้ำๆ มักอยู่แต่ในผลิตภัณฑ์รุ่นไฮเอนด์ ทว่าตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นต้นมา ซัมซุงมีการปรับเปลี่ยนโดยได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลนเนียลและเจนแซด ดังที่ได้เห็นจากยุทธศาสตร์ของผลิตภัณฑ์เอซีรีส์ ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้กับรุ่นไฮเอนด์อื่นๆ ด้วย

ปัจจุบัน เอซีรีส์มีทั้งหมด 6 รุ่น แต่ละรุ่นราคาห่างกัน 50-70 ดอลลาร์ มีคู่แข่งใกล้เคียงกันประมาณ 7-8 รุ่น ดังนั้นพยายามทำราคาที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า แนวทางการตลาดที่จะใช้ดึงลูกค้าที่หันไปบริโภคสินค้าแบรนด์จีนกลับมาจะพยายามฟังความคิดเห็นและผลิตสินค้าออกมาให้ตอบโจทย์

“ผมยอมรับว่าแบรนด์จีน 4 แบรนด์ สามารถสร้างการเติบโตได้ดีในหลายประเทศ ในไทยเองเข้ามาชิงความนิยมในรุ่นไฮเอนด์ไปบ้าง ดังนั้นเราจะไม่ปฏิเสธว่าพวกเขาเป็นคู่แข่ง แต่ไม่คิดเดินตามใคร จุดยืนของซัมซุงมุ่งเดินตามโรดแมปที่ได้วางเอาไว้ ขณะเดียวกันพยายามเรียนรู้และนำมาปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด”

บริษัทเชื่อว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง “กาแลคซี่ เอ 80” และ “กาแลคซี่ เอ 70” ที่นำมาเปิดตัวครั้งนี้เหมาะสมอย่างมากกับคนรุ่นใหม่ในไทย ผู้ชื่นชอบความแปลกใหม่ ยอมรับว่าที่ผ่านมาถูกแย่งลูกค้าไปแต่หลังจากเปิดตัวรุ่นใหม่นี้คาดว่าใน 3 เดือนมีโอกาสดึงลูกค้ากลับคืนมาได้

พร้อมระบุว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญกับซัมซุง กลุ่มที่จะให้ความสำคัญอย่างมากคือมิลเลนเนียล เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ ต่อไปจะกินสัดส่วนกว่า 50%