‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.75 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘แข็งค่า’ ที่ 31.75 บาทต่อดอลลาร์

นักลงทุนปิดรับความเสี่ยงและกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกครั้ง เงินบาทสามารถเป็นหลุมหลบภัย มีแนวโน้มแข็งค่าระยะสั้น

นายจิติพลพฤกษาเมธานันท์นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ31.75 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับ31.80 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน

ในคืนที่ผ่านมานักลงทุนทั่วโลกต่างปิดรับความเสี่ยง(Risk-Off) จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพยุโรปส่งผลให้ตลาดหุ้นต่างปรับตัวลดลงโดยดัชนีS&P500 ของสหรัฐฯปรับตัวลง0.61%  เช่นเดียวกับหุ้นฝั่งยุโรปดัชนีSTOXX50 ของยุโรปปิดลบ0.61% ส่วนดัชนีFTSE 100 ของอังกฤษปรับตัวลงเพียง0.35% โดยตลาดยังรอดูสถานการณ์Brexit ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองสินทรัพย์เสี่ยง

นอกจากนี้นักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย(Safe Haven Assets) ท่ามกลางสภาวะปิดรับความเสี่ยงทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ10ปีปรับตัวลง2bps แตะระดับ2.50% อย่างไรก็ตามการลดลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ10ปีไม่ได้กระทบต่อค่าเงินดอลลาร์เนื่องจากผู้เล่นในตลาดค่าเงินต่างชะลอการซื้อขายค่าเงินก่อนการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป(EU) ในวันนี้เพื่อลงมติเกี่ยวกับการที่อังกฤษขอขยายกำหนดเส้นตายBrexit

ในส่วนข้อมูลเศรษฐกิจตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกครั้ง  หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ3.3% จากระดับ3.5% ที่ประเมินไว้ในเดือนมกราคมโดยIMF มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากการกีดกันทางการค้ารวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป  นอกจากนี้IMF ยังระบุอีกว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจเข้าสู่สภาวะหดตัว(Recession) ได้หากสุดท้ายอังกฤษต้องออกจากสหภาพยุโรปโดยไร้ข้อตกลง(No Deal Brexit)  นอกจากนี้ภาพความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวยังถูกย้ำด้วยรายงานยอดการเปิดรับสมัครงาน(JOTLS Job Openings) ของสหรัฐฯซึ่งลดลงถึง5.38 แสนตำแหน่งสู่ระดับ7.1 ล้านตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์และเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อนหน้าชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯเริ่มมีสภาวะตึงตัวลดลงและอาจชี้ว่าการจ้างงานในสหรัฐฯเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาพเศรษฐกิจโดยรวม

สำหรับวันนี้ในฝั่งยุโรปตลาดจะจับตาการประชุมคณะกรรมการนโนบายการเงินธนาคารกลางยุโรปหรือECB  เราคาดว่าอีซีบีจะ“คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ0% พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับอีซีบีที่ระดับ-0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ0.25% นอกจากนี้เรามองว่าประธานอีซีบีจะมีมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจที่แย่ลงทำให้อีซีบีจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งปี2019 และใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมผ่านโครงการTLTRO

นอกเหนือจากการประชุมธนาคารกลางยุโรปความไม่แน่นอนของสถานการณ์Brexit จะเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามโดยเฉพาะการประชุมผู้นำสหภาพยุโรปเพื่อหาทางออกของBrexit ให้ได้ก่อนกำหนดออกจากสหภาพยุโรปในวันที่12 เมษายนเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปโดย“ไร้ข้อตกลง”

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯเราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI) ที่จะมีการรายงานในวันพุธจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ2.1% สอดคล้องกับเป้าหมายของเฟดทำให้เฟดไม่เร่งรีบที่จะขึ้นดอกเบี้ยนอกจากนี้ตลาดจะจับตารายงานการประชุมเดือนมีนาคมของเฟดที่จะมีรายงานในช่วงเช้ามืดของวันพฤหัสหลังจากเฟดได้มีการคงอัตราดอกเบี้ยพร้อมปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจและแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยโดยประเด็นที่ตลาดจะให้ความสนใจคือแนวทางการปรับเปลี่ยนกรอบการดำเนินนโยบายการเงิน(Policy Framework) รวมทั้งมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยและการปรับลดงบดุลในอนาคต

ส่วนของเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเนื่องจากตลาดมองว่าเงินบาทสามารถเป็นหลุมหลบภัย(Safe Haven) จากปัจจัยความเสี่ยงในระยะสั้นได้อย่างไรก็ตามนักลงทุนส่วนใหญ่จะรอดูความคืบหน้าสถานการณ์Brexit รวมทั้งผลการประชุมธนาคารกลางยุโรปและรายงานการประชุมเฟดก่อนที่จะปรับสถานะถือครองค่าเงินที่ชัดเจนเราจึงเชื่อว่าตลาดในวันนี้มีแนวโน้มจะแกว่งตัวในกรอบกว้างมองกรอบค่าเงินบาทวันนี้31.70 - 31.80 บาทต่อดอลลาร์