ราคาน้ำมันหนุน

ราคาน้ำมันหนุน

SET Index เมื่อวันศุกร์ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย และมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากใกล้ช่วงวันหยุดยาว

ดัชนีปรับตัวขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐ – จีน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,646.18 จุด (+1.96 จุด) Volume 2.6 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -438.62 ลบ. TFEX Net -3,399 สัญญา และ ตลาดตราสารหนี้ -641 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ ราคาน้ำมัน WTI +1.32 ดอลลาร์ ปิด $64.40 ต่อบาร์เรลสูงสุดในรอบ 5 เดือนจากการลดการผลิตของกลุ่มโอเปก ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐแข็งแกร่ง และสถานการณ์การสู้รบในลิเบีย ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

+ นักกลยุทธ์ซิตี้กรุ๊ปชี้ตลาดน้ำมันจะเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลงเนื่องจากซัพพลายลดลง น่าจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปถึง $75 และ $80 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

+ สหรัฐตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค. +196,000 ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานทรงตัวที่ 3.8% ตามนักวิเคราะห์คาด

+ รัฐสภาอังกฤษอนุมัติข้อเสนอเลื่อนกำหนด Brexit เพื่อเลี่ยงการออกจาก EU แบบไร้ข้อตกลง

- ดัชนี DJIA -83.97 จุด -0.32% จากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสายการบินร่วงลง

- สหรัฐเปิดเผยว่าคำสั่งซื้อภาคโรงงานในเดือนก.พ. -0.5% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า -0.6% แต่ยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐานที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน -0.1%

- ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับลดการประเมินศก.ลง 3 เขต จาก 9 เขตในเขตที่พึ่งส่งออกสะท้อนอุปสงค์ลดลงจากศก.จีนชะลอตัว

- ผู้ว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่นระบุศก.ขยายตัวปานกลาง ผลสำรวจทังกันซึ่งวัดความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่รายไตรมาส ชี้ถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ย่ำแย่

- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD 1.29 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 31.85 บาท/US

**จับตารายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทในสหรัฐฯเริ่มเผยแพร่สัปดาห์นี้ โดยเฉพาะสถาบันการเงินเจพีมอร์แกน เชส

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยยังมีปัจจัยกดดันจากการเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจนและใกล้หยุดยาว คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,650 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • กลุ่ม Defensive : กลุ่มค้าปลีก(CPALL MAKRO) กลุ่มท่องเที่ยว(AOT CENTEL ERW) กลุ่มโรงพยาบาล (BCH) กลุ่มโรงไฟฟ้า (EGCO RATCH)
  • หุ้นเข้าใหม่คำนวณในดัชนี MSCI-EM : CENTEL, RATCH, INTUCH, DTAC
  • หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุน : SCC EGCO CPN LH TU BANPU BH BBL BDMS KBANK
  • หุ้นที่มีโอกาสถูกลดน้ำหนักลงทุน: SCB TISCO TCAP KKP SAWAD THANI และมีโอกาสถอด MTC ออก
  • IAA เผยหุ้นเด่นจากผลสำรวจนักวิเคราะห์ : AOT BBL CPALL SCC STEC

หุ้นรายงานพิเศษ

AUCT ราคาปิด 6.00 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8.00 บาท

  • รายงานกำไรปี 61 เท่ากับ 5 ลบ. +64%YoY (สูงกว่าที่คาด 3.2%) โดยรายได้ปรับตัวขึ้นทุกกลุ่ม 1) รายได้จากการประมูลรถยนต์และรถเกษตร เท่ากับ 532 ลบ. +22.5%YoY 2) รายได้จากการประมูลรถจักรยานยนต์ เท่ากับ 64 ลบ. +11.7%YoY และ 3) รายได้จากการประมูลอื่นๆ เท่ากับ 21 ลบ. +168%YoY และ 4) รายได้จากค่าขนย้าย เท่ากับ 76 ลบ. +27%YoY นอกจากนี้ การเติบโตของผลประกอบการปี 61ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดกิจกรรมทางตลาด เช่น ทาง Social media (Facebook, Line, WebSite และ Application) งานกิจกรรม “Change Together” และการให้ ดีเจ เพชรจ้า เป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัท
  • ผลประกอบการ 1Q62 มีแนวโน้มเติบโตสูง YoY สอดคล้องกับตัวเลขยอดขายรถยนต์ใหม่ภายในประเทศในช่วง 2M62 อยู่ที่ระดับ 6 แสนคัน เติบโตกว่า 13%YoY ขณะที่ลูกค้ากลุ่มเดิมทยอยส่งรถเข้าลานประมูลอย่างต่อเนื่อง เช่น TOYOTA BUZZ, เบนซ์ทองหล่อ และกลุ่มลูกค้าสถาบันการเงิน และล่าสุดบริษัทฯเพิ่งได้รับงานจาก “สมาคมธนาคารไทย” ในการเป็นตัวแทนจัดงานประมูลรถยนต์ นอกจากนี้ การควบคุมค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาและการตลาดช่วยให้กำไรและอัตรากำไรสุทธิในงวด 1Q62 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดการณ์กำไรทั้งปี 62 ราว 202.7 ลบ. +19%YoY ได้รับอานิสงส์จากปีผ่านมา หลังจากยอดขายรถใหม่ภายในประเทศแตะที่ระดับ 1.04 ล้านคัน +20%YoY ขณะที่ปี 62 คาดว่ายอดขายรถใหม่จะยังคงทรงตัวในระดับสูงที่มากกว่า 1 ล้านคัน (ที่มา : Toyota) ปัจจุบันมีปริมาณสต็อกรถยนต์รอประมูลจำนวนมาก และเพียงพอสำหรับปี 62

ส่องหุ้น

          TNR                แนวรับ 12.90 บาท        แนวต้าน 13.30-13.40 บาท

          DTAC              แนวรับ 54.25 บาท        แนวต้าน 55.25-55.50 บาท

          SEAFCO          แนวรับ 8.00 บาท          แนวต้าน 8.20-8.25 , 8.35-8.40 บาท

หุ้นมีข่าว   

·         + XO (ราคาปิด 10.60 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.90) ส่งซิกรายได้ไตรมาส 1/62 เติบโตต่อเนื่อง มั่นใจผลงานปี 62 กำไรนิวไฮ-รายได้เป็นไปตามเป้า โต 10-15% อานิสงส์ส่งไลน์ผลิตภัณฑ์ซอสเจาะตลาดใหม่-ล็อกราคาวัตถุดิบ สอดรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหารไทย (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         + PTTGC คาดเกณฑ์ใหม่ IMO ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรต้องใช้น้ำมันเตาที่มีค่ากำมะถันต่ำไม่เกินกว่า 0.5% จาก 3.5% ในปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.63  มีผลกระทบน้อยเหตุสามารถผลิตน้ำมันเตากำมะถันต่ำได้ (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

·         + TU (ราคาปิด 18.50 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 20.34)  มั่นใจรายได้ปีนี้โต 5% ตามการเติบโตธุรกิจหลัก คาดอัตราการทำกำไรในปี 62 จะปรับตัวดีขึ้นจากการควบคุมต้นทุนและการฟื้นตัวของธุรกิจล็อบสเตอร์ในทวีปอเมริกาเหนือ รวมทั้งการลงทุนในบริษัท อะแวนติ โฟเซ่น ฟู้ด หรือธุรกิจอาหารกุ้ง และผลิตภัณฑ์อาหารกุ้งในประเทศอินเดียก็มีการเติบโตอย่างมาก คาดยื่นไฟลิ่ง TFM กลางปีนี้เข้าตลาดหุ้นปีนี้ (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

·         + TKN (ราคาปิด 9.35 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 11.04) คว้าตัวแทนจำหน่ายรายใหม่จาก "ปักกิ่ง" ลุยเจาะตลาดประเทศจีนต่อเนื่อง แถมได้อานิสงส์ราคาต้นทุนลดจะเริ่มสะท้อนตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2562 หนุนอัตรากำไรขั้นต้นปี 2562 ขึ้นมาที่ระดับ 33-34% จากปีก่อน 30.55% ชี้โอกาสเทศกาลสงกรานต์จัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเพิ่ม (ที่มา : ทันหุ้น)

·         + BDMS (ราคาปิด 25.00 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 28.57) ส่งซิกครึ่งแรกปี 2562 ฟอร์มแจ่มกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน รับยอดผู้ใช้บริการพุ่ง-บุ๊กขายหุ้น RAM พร้อมควักงบ 2.1 พันล้านบาท ปั้นโรงพยาบาลใหม่ กรุยทางรับทรัพย์ระยะยาว (ที่มา : ทันหุ้น)

·         + CPF (ราคาปิด 25.75 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 30.76) เผยบริษัทย่อย CPF RF จะเข้าถือหุ้น 60% ในบริษัทดัคกาลบี้ กรุ๊ป จำกัด (Dak Galbi) ธุรกิจร้านอาหารเกาหลี ลงทุนครั้งแรก 55 ล้านบาท ปัจจุบันมีสาขาในไทยทั้งสิ้น 10 แห่ง (ที่มา : ทันหุ้น)

·         + DELTA ลอยตัวรับอานิสงส์สงครามการค้า โดดคว้าออเดอร์ล็อตใหม่จากยักษ์ใหญ่จีน-สหรัฐ มูลค่าเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 100-200 ล้านดอลลาร์ คาดได้ข้อสรุปในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ภายหลังจากโรงงานใหม่รีโนเวตแล้วเสร็จ แย้มผลงานไตรมาส 1/62 ฉายแววโดดเด่นกว่าปีก่อน ด้าน DELTA ไต้หวัน ฮุบหุ้นไป 69.78% เป็นผลดีและไม่มีเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัย (ที่มา : ทันหุ้น)

·         + ALLA ติดปีกโกยงานในอินโดหลังตั้งสำนักงานขายแล้วเสร็จ มีลุ้นคว้างานในฟิลิปปินส์อีก 3 โปรเจ็กต์ ส่งซิกผลงานไตรมาส 1/2562 ยอดขายพุ่งหลังอุตสาหกรรมขยายตัวดี ตุน Backlog กว่า 400 ล้านบาท คาดรับรู้ทั้งหมดปีนี้เล็งคลอดผลิตภัณฑ์ใหม่มาร์จิ้นสูงรองรับดีมานด์เพิ่ม วางเป้ารายได้รวมปี 2562 โตไม่ต่ำกว่า 10-15% (ที่มา : ทันหุ้น)

·         + GGC เผยรง.ผลิตเมทิลเอสเทอร์แห่งที่ 2 ขนาด 2 แสนตัน/ปี เริ่มดำเนินการผลิตแล้วเมื่อ 5 เม.ย.