ยันปลูกข้าวโพดหลังทำนา สร้างได้แก่เกษตรกรอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ยันปลูกข้าวโพดหลังทำนา สร้างได้แก่เกษตรกรอย่างมั่นคงและยั่งยืน

กระทรวงเกษตรฯ ยืนยันปลูกข้าวโพดหลังทำนา สร้างได้แก่เกษตรกรอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานวันเก็บเกี่ยวและการตลาดข้าวโพดหลังฤดูทำนา ณ แปลงนากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บ้านน้อย อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ว่า โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับสมดุลของปริมาณการผลิต การตลาดข้าวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย "การตลาดนำการผลิต" ที่มีการบริหารจัดการสินค้าเกษตร สร้างความสมดุลทางการตลาด เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ในการประกอบอาชีพอย่างมั่นคง ยั่งยืน

สำหรับจังหวัดหนองคายเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมาย 33 จังหวัด ในโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ 400 ราย พื้นที่ประมาณ 2,367.28 ไร่ ครอบคลุม 9 อำเภอ คาดว่าจะได้ผลผลิต 4,500 ตัน

"เกษตรกรในจังหวัดหนองคายที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ผลผลิตต่อไร่ถึง 1.5 ตัน เมื่อนำไปขายที่จุดรับซื้อตามเงื่อนไขความชื้น หักต้นทุนแล้วได้กำไร 7,000 บาท/ไร่ ซึ่งมากกว่าการทำนาที่ได้กำไรเพียง 2,000 บาท/ไร่ ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จของโครงการฯ เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ในระยะยาวกระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมส่งเสริมการปลูกพืชอื่นๆ ที่ตลาดมีความต้องการ อาทิ พืชผัก ถั่วเขียว เป็นต้น โดยจะจัดทำเป็นเมนูให้เกษตรกรเลือกตามความเหมาะสมต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว

ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้งในเขตพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยโมง อ.ท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนน้ำต้นทุนในการอุปโภค – บริโภค และการทำการเกษตรของเกษตรกรผู้ใช้น้ำในเขตพื้นที่ชลประทาน 54,000 ไร่ ที่อยู่ในพื้นที่ อ.ศรีเชียงใหม่ อ.โพธิ์ตาก และ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย รวมครัวเรือนทั้งสิ้น 42 หมู่บ้าน 4,202 ครัวเรือนราษฎรประมาณ 40,000 คน.