THCOM - ซื้อเก็งกำไร

THCOM - ซื้อเก็งกำไร

ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่ผ่อนคลายมากขึ้น

เราเชื่อว่ามติครม.สำหรับแนวทางรูปแบบ “การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน” เพื่อรองรับการบริหารจัดการกิจการดาวเทียมหลังสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานของ THCOM ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสความร่วมมือเป็นพันธมิตรสำหรับโครงการในอนาคตระหว่าง THCOM และหน่วยงานภาครัฐ และเนื่องจากความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น หุ้น THCOM จึงเริ่มกลับมาดูน่าสนใจมากขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” เนื่องจากกำไรปี 2562 ที่มีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด และมูลค่าหุ้นที่ถูกมาก โดยอัตราส่วน EV/EBITDA ในปี 2562 อยู่ที่ 2.8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ย EV/EBITDA ระยะยาวของหุ้นซึ่งอยู่ที่ 8.02 เท่า

รายละเอียดรูปแบบ “การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน” คาดว่าจะทราบช่วงสิ้นปี 2562

จากมติครม.เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2562 ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการบริหารจัดการกิจการดาวเทียมในประเทศในรูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อที่จะเข้ามาแทนที่สัญญาสัมปทานที่จะสิ้นสุดอายุลงเราคาดว่า THCOM จะเริ่มหารือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อเจรจาความร่วมมือของโครงการลงทุนหรือความร่วมมือด้านพันธมิตรภายใต้รูปแบบของ “การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน” ทันทีที่ร่างรายละเอียดและเงื่อนไขใหม่ของรูปแบบการจัดการธุรกิจดาวเทียมในประเทศเสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงสิ้นปี 2562 และเมื่อสัมปทานดาวเทียมของ THCOM ทั้งสามดวงซึ่งได้แก่ ไทยคม 4 ไทยคม 5 และไทยคม 6 สิ้นสุดลงในเดือนก.ย.2564 จะไม่มีการต่ออายุสัมปทานหรือขยายระยะเวลาสัมปทานให้กับดาวเทียมดวงใดๆ อีก รวมถึงกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของดาวเทียมทั้งสามดวงจะโอนกลับไปเป็นของกระทรวงเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคม

รูปแบบที่เป็นไปได้ คือ ความร่วมมือเป็นพันธมิตรในรูปของส่วนแบ่งกำไรกับกสท.

เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในรูปแบบของความร่วมมือเป็นพันธมิตรและการแบ่งส่วนกำไรระหว่าง THCOM และกสท.โทรคมนาคม (ซึ่งคาดว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินและจัดการธุรกิจดาวเทียมในประเทศ) ภายใต้สมมติฐานที่ว่าการตั้งรัฐบาลใหม่สาเร็จในเดือนพ.ค. 2562 เราคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าเรื่องนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ผลกระทบ ได้แก่ เป็นการช่วยลดความกังวลด้านกฎระเบียบที่ยังคงไม่มีทิศทางและรูปแบบที่ชัดเจนก่อนหน้าวันที่ 29 ม.ค. สำหรับการดำเนินธุรกิจดาวเทียมของ THCOM หลังจากอายุสัมปทานทั้งสามสัมปทานสิ้นสุดลง และความเป็นเจ้าของดาวเทียมทั้งสามดวงถูกโอนกลับไปให้กับกระทรวงเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคม ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมดาวเทียมของประเทศไทยจะถูกเปิดเสรีหลังจากที่สัมปทานของ THCOM สิ้นสุดอายุลงจากการอนุญาตให้ผู้ประกอบการดาวเทียมต่างชาติเข้าร่วมประมูลและได้รับสิทธิ์ในการส่งและรับสัญญาณดาวเทียมในประเทศไทย แต่เราเชื่อว่า THCOM จะยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่เข้าแข่งขันที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะแข่งขันกับผู้ประกอบการดาวเทียมต่างประเทศ

เป้ากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในปี 2562

ถึงแม้ว่ารายได้ปี 2562 จะมีแนวโน้มลดลง 11% YoY (มาอยู่ที่ 5.58 พันล้านบาท) เนื่องจากราคาขายเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมที่ยังคงปรับตัวลดลง ซึ่งมาจากการแข่งขันด้านราคาในอุตสาหกรรมที่เพิ่มสูงขึ้น และซอฟท์แบงก์ซึ่งเป็นลูกค้าญี่ปุ่นของ THCOM ปรับลดการใช้งานลงในช่วงปี 2562-63 แต่เราก็ยังคงคาดว่ากำไรสุทธิปี 2562 จะกลับมาเติบโตก้าวกระโดด 104% YoY และกำไรหลักเติบโต 188% YoY จากการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (เช่น ต้นทุนพนักงานและการหยุดกิจการในต่างประเทศ) เราเชื่อว่าอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้ในปี 2562-63 จะมาจากรายได้จากการเป็นผู้ค้าปลีกให้กับเอ็นบีเอ็น ออสเตรเลีย และรายได้จากบริการเสริมของธุรกิจดาวเทียมในประเทศออสเตรเลียที่จะเพิ่มขึ้น รายได้แบนด์วิธที่จะเพิ่มขึ้นจากทีโอทีในโครงการเรียนรู้ทางไกลผ่านอินเตอร์เน็ต รวมถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจโดยเป็นพันธมิตรกับพาร์ตเนอร์ในทวีปแอฟริกา และดีมานด์ด้านกิจการกระจายเสียงที่จะเพิ่มขึ้นในตลาด CLMV ซึ่งได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม