เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

"นายกฯประยุทธ์" ร่วมเปิดประชุม ส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดน หวังป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ชี้อาเซียนต้องร่วมมือ

เมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 เวลา 09.00 น. ที่อาคารประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาในการประชุม High Level Regional Conference - Synchronizing Trade and Security Plans in Support of ASEAN 2025 ซึ่งเป็นการประชุมระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดน

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมพิธีเปิดการประชุมระดับภูมิภาคภายใต้หัวข้อ “การประสานแผนการค้าและความมั่นคงเพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2025” ประจำปี 2562 เพื่อหาแนวทางส่งเสริมบูรณาการ ระหว่างมิติทางเศรษฐกิจและมิติด้านความมั่นคง ที่สอดคล้องกับเอกสารวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 ซึ่งการประชุมครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการชายแดนระหว่างประเทศอาเซียนที่ยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ อาชญากรรมข้ามชาติในปัจจุบันมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ความเชื่อมโยงของระบบคมนาคมขนส่งในภูมิภาค ตลอดจนความนิยมใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันที่เพิ่มมากขึ้น โดยหากไม่มีมาตรการป้องกันและปราบปราม อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการก่ออาชญากรรมข้ามชาติที่มีความซับซ้อน และส่งผลกระทบอย่างรอบด้าน และอย่างกว้างขวาง โดยในปีนี้ อาเซียนจะเริ่มใช้ระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน ซึ่งจะเชื่อมโยงระบบข้อมูลศุลกากรแบบบูรณาการ ลดขั้นตอนด้านศุลกากรระหว่างประเทศอาเซียน เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าข้ามแดน จะทำให้การเปิดเสรีทางการค้าของอาเซียนมีความสมบูรณ์มากขึ้น

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ อาเซียนมีแผนที่จะส่งเสริมการสร้างประชาคมอาเซียนให้มีการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ตามแนวทางภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 อันจะส่งผลโดยอ้อมให้พื้นที่บริเวณชายแดนมีความเปราะบาง และสุ่มเสี่ยงต่อการถูกกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ใช้แสวงหาประโยชน์ดำเนินกิจกรรมผิดกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐได้ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักดีถึงปัญหานี้ และได้ร่วมกันจัดทำเอกสารวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 และแผนงานประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2016 – 2025 กำหนดเป้าหมายในการสร้างประชาคมอาเซียน และมีกระบวนการรวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้น มีการเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งแสวงหาแนวทางในการรับมือ ป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

นายกฯ กล่าวว่า ไทยเห็นว่าอาเซียนควรร่วมกันกำหนดแนวทางที่จะพัฒนากรอบความร่วมมือในการบริหารจัดการชายแดนระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อป้องกันภูมิภาคจากภัยคุกคามที่มาจากอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนให้เกิดการไหลเวียนของการค้า การลงทุน และประชาชนข้ามพรมแดนอย่างปลอดภัยและยั่งยืน ซึ่งในปี 2562 ประเทศไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนภายใต้แนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” มุ่งเสริมสร้างให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะความมั่นคงที่ยั่งยืนมีภูมิต้านทานต่อภัยคุกคาม และอาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติไม่สามารถจะสำเร็จลุล่วงได้ด้วยความพยายามของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่ทุกประเทศในภูมิภาคจะต้องร่วมมือกัน จึงจะสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาได้อย่างรอบด้าน มีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืน

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

นายกฯ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้ อาเซียนจึงควรร่วมกันจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียน เพื่อเป็นกลไกในการสร้างสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการเคลื่อนย้ายคน กับการรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน ทั้งนี้ แนวคิดของการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนเป็นเรื่องที่อาเซียนได้ให้ความเห็นชอบแล้วในเอกสารวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2025 ซึ่งการจัดตั้งกลไกดังกล่าวเป็นการแปลงเจตนารมณ์ของอาเซียนให้เป็นแผนงานการทำงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอาเซียน

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หวังว่าที่ประชุมจะมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในแง่มุมต่างๆ และนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ใน 3 ประเด็น คือ 1.การแลกเปลี่ยนข่าวสารและข่าวกรองระหว่าง UNODC และกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อร่วมกันสกัดกั้นภัยคุกคามร้ายแรง ที่บั่นทอนสังคมและประชาชนของพวกเรา และมีส่วนเป็นอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน 2. ความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และความท้าทายข้ามพรมแดนต่างๆ อย่างเป็นระบบ และ 3. การส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน มีเป้าหมายที่จะลดช่องว่างด้านการพัฒนาในภูมิภาค ลดต้นตอของปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาค โดยเฉพาะการส่งเสริมหุ้นส่วนในการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมควรจะมีการหารือในมิติของกรอบการใช้กฎหมาย และการเพิ่มขีดความสามารถเชิงปฏิบัติการ เพื่อการบริหารจัดการชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มเติมด้วย โดยไทยจะนำผลการประชุมในครั้งนี้ ไปขยายผลเพื่อเสนอต่อที่ประชุมอาเซียนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการนำเสนอแนวคิดเรื่องการจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียน ต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติและการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (AMMTC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีนี้ หากอาเซียนสามารถมีฉันทามติได้ในเรื่องนี้ ก็จะนำเสนอต่อให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 พิจารณาให้ความเห็นชอบในเดือนพฤศจิกายนศกนี้ด้วย

เปิดประชุมบริหารจัดการชายแดน ป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ

“หวังว่าการประชุมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ที่จะส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล และแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างกว้างขวาง และขยายผลพัฒนาไปสู่การจัดตั้งกลไกความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต เพราะโลกในปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทายในรูปแบบใหม่ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ตนในนามนายกฯและคนไทยทุกคน ยินดีที่ทุกท่านใช้ประเทศไทยในการเป็นเวทีหารือ ตนในฐานะเจ้าบ้านยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ทุกคนมีความสุข มีความปลอดภัยในประเทศไทย ทั้งวันนี้และตลอดไป และขอฝากความระลึกถึงไปยังผู้นำในประเทศต่างๆ ว่าประเทศไทย รัฐบาลไทย ยินดีและพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศในทุกมิติและทุกเวทีโลกในปัจจุบัน