บาทแข็งดัน “ไทยเที่ยวนอก” 11 ล้านคน

บาทแข็งดัน “ไทยเที่ยวนอก” 11 ล้านคน

อานิสงส์บาทแข็งค่าหนุนนักท่องเที่ยวไทยหนีร้อน-ฝุ่นพิษ พาเหรดเที่ยวต่างประเทศ โตดีสวนเศรษฐกิจชะลอ สมาคมทีทีเอเอคาดปีนี้แตะ 11 ล้านคน เม็ดเงินใช้จ่ายสะพัด 3.3 แสนล้านบาท เฉพาะช่วงหยุดยาวสงกรานต์ 10 วัน จ่ายเงินเที่ยวนอกกว่า 9 พันล้านบาท

นายเจริญ วังอนานนท์ อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า คาดตลาดนักท่องเที่ยวขาออก (เอาต์บาวด์) หรือชาวไทยเที่ยวต่างประเทศปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวเป็น 10.92-11 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8-8.5% เมื่อเทียบกับ 10 ล้านคนของปีที่แล้ว หลังเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี เฉลี่ยปีละ 7-8% โดยนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 30,000 บาทต่อทริป คาดมีมูลค่าการใช้จ่ายสะพัดไม่ต่ำกว่า 3.3 แสนล้านบาทในปีนี้

สำหรับปัจจัยบวกของธุรกิจบริษัทนำเที่ยวเอาต์บาวด์ปีนี้คือเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตแพ็กเกจทัวร์ต่างประเทศของบริษัทนำเที่ยวลดลง 10% สามารถชูราคาขายได้ถูกลงเพื่อดึงดูดความสนใจ จากปกติแล้วราคาต้องถีบตัวสูงกว่านี้ เพราะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของตลาดไทยเที่ยวต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้า (อินบาวด์) ซึ่งมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ให้บริการจำนวนมากจากจีนและญี่ปุ่น หนุนการทำตลาดดึงผู้โดยสารชาวไทยใช้บริการในขากลับ โดยเฉพาะญี่ปุ่น คาดมีชาวไทยไปเที่ยวไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 1.13 ล้านคนของปีที่แล้ว ส่วนจีนคาดทรงตัวในระดับ 6 แสนคน ขณะที่การเปิดเส้นทางบินใหม่ของสายการบินต่างๆ ที่เจาะบินตรงสู่ภูมิภาคในไทยมากขึ้น เช่น กระบี่ และเชียงใหม่ ช่วยอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางของคนในพื้นที่ ด้านสถานการณ์ฝุ่นละอองทั้งในกรุงเทพฯและภาคเหนือรวมถึงอากาศร้อนก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวไทยตัดสินใจเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น

“ตลาดนักท่องเที่ยวเอาต์บาวด์ถือว่าเติบโตดี สวนเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว ประกอบกับเงินบาทแข็งค่า ทำให้ราคาแพ็กเกจท่องเที่ยวถูกลง เช่น แพ็กเกจทัวร์ไปยุโรป เริ่มต้นอยู่ที่ 3-3.5 หมื่นบาท และยังหนุนให้นักท่องเที่ยวไทยจับจ่ายซื้อสินค้าในต่างประเทศได้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีชาวไทยเดินทางกับบริษัทนำเที่ยว 25% ส่วนอีก 75% เลือกเดินทางไปต่างประเทศด้วยตัวเอง”

ด้านสถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือเป็นพีคซีซันของตลาดเอาต์บาวด์ เนื่องจากปีนี้มีวันหยุดยาว 2 ช่วงติดต่อกัน คือวันจักรีและวันสงกรานต์ ทำให้นักท่องเที่ยวไทยวางแผนการเดินทางได้นานถึง 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-15 เม.ย.นี้ จึงนิยมไปญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือยุโรป คาดมีจำนวนเดินทางกว่า 3 แสนคน เฉลี่ยวันละ 30,000 คน มีเม็ดเงินใช้จ่ายสะพัด 9,000 ล้านบาท