กลยุทธ์การลงทุนสำหรับไตรมาสที่ 2/2019

กลยุทธ์การลงทุนสำหรับไตรมาสที่ 2/2019

SCB CIO Office มองว่าภาพของเศรษฐกิจในปีนี้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นหลังจากที่หน่วยงานทางการของหลายประเทศในโลกเริ่มออกมายอมรับการขยายตัวที่ลดลง

นั่นหมายความว่า เราจะมีปัจจัยบวกให้กับตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งจาก หลายประเทศ อาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ผ่านการใช้ทั้งนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง เช่นการหยุดการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การมีมาตรการทางการคลัง และการเงินในประเทศจีน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นข่าวดีให้กับ ตลาดหุ้น

เรามีมุมมองว่า

  1. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของทุกประเทศในโลกไม่ปรับเพิ่มในไตรมาสที่ 2 และอาจเห็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในบางประเทศปรับลดลงได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง เช่น ประเทศจีน อินเดีย หรือ ออสเตรเลีย เป็นต้น
  2. นโยบายการเงินแบบเข้มงวดที่สหรัฐฯหรือยุโรปเคยประกาศทำไว้ จะถูกนำกลับมาพิจารณาใหม่ และมีแนวโน้มที่จะปรับนโยบายการเงินแบบเข้มงวดให้เข้มงวดน้อยลง ตัวอย่างเช่น เราอาจเห็น สหรัฐฯประกาศชะลอการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด เพื่อชะลอผลกระทบกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ
  3. แม้ราคาพลังงานจะปรับเพิ่มขึ้น แต่อัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวในระดับต่ำ จากราคาสินค้าไม่ปรับเพิ่มขึ้น จึงไม่เป็นปัจจัยกดดันให้ธนาคารกลางต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และราคาน้ำมันจะมี limit upside
  4. การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนควรจะมีข่าวดี แม้ว่าจะเป็นข่าวดีระยะสั้นก็ตามสิ่งนี้จะทำให้กระแสเงินทุนจะไหลเข้าประเทศเอเชียเพิ่มขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงอีกครั้ง แต่การส่งออกของโลกจะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ซบเซามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
  5. หลังจากการเลือกตั้งผ่านไป ความวุ่นวายทางการเมืองร้อนแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในสังคม เช่น ฝั่งไหนจะได้เป็นขั้วแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปัญหาข้างหน้าในการเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร การคัดค้านจากอีกฝ่ายภายหลังจัดตั้งรัฐบาล และความไม่มั่นคงของรัฐบาลที่มีเสียงไม่เด็ดขาด ทำให้การดำเนินนโยบายต่าง ๆ ดำเนินการได้ยากลำบากมากขึ้น

ซึ่งความกังวลเหล่านี้จะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในลักษณะ side way และจากความกังวลภายในประเทศของเราเอง จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ระดับประมาณ 32.50 บาท

ในไตรมาสที่ 2 นี้ในภาพรวมภายนอกประเทศมีแนวโน้มที่จะเป็น Risk on มากขึ้นคำแนะนำการลงทุนในช่วงไตรมาส 2 นี้ CIO Office แนะนำให้ลงทุนใน สินทรัพย์เสี่ยงเช่น การลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น แต่ระยะเวลาในการลงทุนจะเป็นลักษณะระยะสั้น เพื่อการ trading และสัดส่วนการ trading ไม่ควรมากกว่า 20% ของ จำนวนเงินลงทุนทั้งหมด ในขณะที่ core holding ควรมีสัดส่วนหลักใน income generating assets และนโยบายการลงทุนแบบผสมยืดหยุ่น เช่น balance funds, mixed assets ที่สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว