เลือกเก็งกำไรรายตัว ระหว่างรอปัจจัยผลักดันใหม่

เลือกเก็งกำไรรายตัว ระหว่างรอปัจจัยผลักดันใหม่

ความเสี่ยงเจรจาการค้าและ Brexit ถูกรองรับด้วยนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย

สหรัฐฯ-จีน เจรจาการค้า 28-29 มี.ค. ซึ่งมีแนวโน้มจะยังไม่จบ และอาจยืดเยื้อไปอีกระยะ ขณะที่สถานการณ์ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แม้ยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีโอกาสจะเกิดทางเลือกที่ดีอย่างการตัดสินใจอยู่ในยุโรปต่อ แต่ไม่ว่าจะเป็นทางใด เราประเมินความเสี่ยงจากปัจจัยข้างตอนจะถูกรองรับด้วยนโยบายการเงินที่ค่อนข้างผ่อนคลาย ดังนั้นยังคงมุมมองภาพใหญ่การลงทุนเป็นบวก และไม่แย่เช่นที่เกิดขึ้นในปี 2561

กกต.แถลงผลนับคะแนน 100% ส่งผลต่อจำนวนส.ส. จำนวนผู้ใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นมา 4.4 ล้ายราย โดยแต่ละพรคมีผู้ใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นมาประมาณ 6-7% ซึ่งจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ที่เพิ่มมาเที่ยวนี้ ทำให้พรรคขนาดเล็กจำนวนมากที่มีเสียงต่ำกว่าเกณฑ์มีส.ส. เดิม มีแนวโน้มได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ขณะที่จะไปลดทอนที่นั่งของพรรคที่ได้เสียง Party list สูงมาก อย่าง อนาคตใหม่ เป็นต้น ส่งผลให้จำนวนส.ส.ในแต่ละขั้วยังไม่นิ่ง อีกทั้งยังมีความสับสนเกี่ยวกับเกณฑ์การคำนวณที่กกต.ยังไม่ชี้แจงอย่างชัดเจน ทำให้บรรยากาศการลงทุนอาจแกว่งตามข่าวสารและความคืบหน้าในการรวมเสี่ยงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้

ติดตาม MSCI ปรับเกณฑ์ และตลท.อนุญาตให้ต่างชาติยืมหุ้น NVDR เพื่อขายชอร์ต ทาง MSCI จะพิจารณาว่าจะนำ NVDR มาคำนวณน้ำหนักหุ้นไทยหรือไม่ หากนำมารวม จะส่งผลให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 3% ส่งผลบวกต่อเงินทุนไหลเข้า ขณะที่ตลท.อนุญาตให้นลท.ต่างชาติสามารถยืมหุ้นที่เป็น NVDR มาขายชอร์ตได้ เริ่ม 3 เม.ย.62 อาจทำให้ตลาดกังวลในระยะสั้น แต่ไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากหุ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่ม SET50 ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพอยู่แล้ว

แกว่งตัว 1620-1640 ก่อนขึ้นทดสอบ 1670 จุด สถานการณ์ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำอีกนาน จะส่งผลบวกต่อกลุ่มการเงิน (เนื่องจากมีดอกเบี้ยเป็นต้นทุน) อาทิ MTC, SAWAD, AEONTS, KTC, TK, GCAP, AMANAH  เรายังชอบหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ ที่ราคาสะท้อนผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อาทิ PTT, PTTEP, TOP, BCP, PTTGC, SCC รวมถึง หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ CPF, TU, CPALL, AOT, ERW, MINT,STEC, GPSC, EGCO, BTS, BEM / กลุ่มร.พ. เราชอบ RJH, BCH

ภาพรวมกลยุทธ์: สัญญาณจาก yield curve ทำให้หุ้นในกลุ่มได้ผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ อาทิ การเงิน, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกอง REIT เคลื่อนไหวได้โดดเด่นในช่วงสั้น  // หุ้นแนะนำวันนี้ TU, GPSC, CKP* (เป้า 5.25 ตัดขาดทุน 4.86), SAWAD* (เป้า 55 ตัดขาดทุน 51)

แนวรับ 1625-1630 / แนวต้าน : 1640-1650 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

เกาะติดการเจรจาการค้า – รายงานเบื้องต้นผลเจรจาทางการค้าของจีน-สหรัฐฯ ยังคงมีความคืบหน้าไปในทิศทางบวก โดยจีนได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเด็นการถ่ายโอนเทคโนโลยี ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงภายใน เม.ย.   

ตัวเลขคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4/61 ของสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด – กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4/61 ขยายตัวที่ระดับ 2.2% ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าตัวเลขในเดือน ก.พ. ที่ระดับ 2.6%

ทรัมป์เรียกร้องโอเปกเพิ่มการผลิตน้ำมัน – ประธานาธิบดี ทรัมป์ เรียกร้องให้กลุ่มโอเปกเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันมากขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงมากเกินไป

หุ้นที่มีการถือครองต่ำ – สามารถเลือกเก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน MCOT, SAWAD, JMART, SAMART, SINGER, NER, III, PRM, JMT, DCC, SQ, STPI

ประเด็นติดตาม: 29 มี.ค. – ตัวเลขการค้าไทย / 1 เม.ย. – จีน รายงาน PMI ภาคการผลิต, สหรัฐฯ รายงานตัวเลขค้าปลีก, ตัวเลขเงินเฟ้อไทย / 5 เม.ย. – สหรัฐฯ รายงาน ตัวเลขการจ้างงาน

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)