AU - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

AU - ซื้อเมื่ออ่อนตัว

คาดกำไรปี62 โต 22% + Upside จากธุรกิจแฟรนไชส์ที่ฮ่องกง

ประเด็นสำคัญ :

  • ปี 61 รายได้ตามคาดแต่กำไรต่ำกว่าคาดจากรายการพิเศษ : บริษัทฯรายงานรายได้จากร้านขนมหวาน เท่ากับ 838.2 ลบ. +19%YoY มีปัจจัยการเติบโตจากจำนวนสาขาที่เปิดเพิ่มขึ้นสุทธิ 5 สาขา (เปิดใหม่ 6 สาขา และปิด 1 สาขา) รวมมีสาขาปลายปี 61 ทั้งสิ้น 31 สาขา นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการจัดงานนอกสถานที่และรับจ้างผลิต (OEM) เท่ากับ 32.9 ลบ. +67%YoY โดยผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่และเป็นที่นิยมในปีที่ผ่านมา คือ “ขนมปังเนยโสด และ ขนมปังนมโสด” ด้าน %GPM เท่ากับ 8% ปรับตัวดีขึ้นจากปี 60 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 66.3% จากการบริหารต้นทุนวัตถุดิบ และ %SG&A อยู่ที่ระดับ 46.7% ปรับตัวสูงขึ้นจากปี 60 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 45.4% เนื่องจาก มีค่าใช้จ่ายในการปิดสาขาที่สนามบินดอนเมืองราว 4.2 ลบ. ส่งผลให้กำไรปี 61 เท่ากับ 147 ลบ. +14.4%YoY ต่ำกว่าที่คาดที่ราว 153 ลบ. -4%
  • ขยายโรงงานเพิ่มกำลังผลิต พร้อมกับเร่งเปิดสาขาแฟรนไชส์ที่ฮ่องกง : บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนปี 62 ราว 200 ลบ. แบ่งเป็น 1) เพื่อขยายกำลังผลิตราว 130 ลบ. ได้แก่ Cold Storage, Solar Energy Rooftop และ Machineries and Equipment และ 2) เพื่อขยายสาขาราว 70 ลบ. (ผบห.ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 10 สาขา) นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์ที่ประเทศฮ่องกง และคาดจะเร่งเปิดให้ทันก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส หรือช่วง Q3-Q4/62 โดยบริษัทฯจะมีรายได้จาก 1) Initial Fee 2) Royalty Fee และ 3) การสั่งซื้อวัตถุดิบจากบริษัท โดยบริษัทคาดการณ์ยอดขายราว 4-5 ลบ.ต่อสาขา/เดือน และคาดว่าจะมีแผนการขยายสาขาในประเทศฮ่องกงทั้งหมด 5-6 สาขา
  • คาดการณ์กำไรปี 62 ราว 180.2 ลบ. +4%YoY : เราคาดการณ์รายได้ปี 62 จะปรับตัวขึ้นมาที่ราว 1,073 ลบ. +23.2%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแผนการเปิดสาขาเพิ่มทั้งหมดในปีนี้ราว 10 สาขา งวด 1Q62 ที่ผ่านมาเปิดเพิ่มไปแล้ว 4 สาขา ได้แก่ 1) Iconsiam 2) 101 The Third Place 3) Central Patong Phuket และ 4) The Market Bangkok และมีสาขาที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ สุขุมวิท 11 และ หาดใหญ่ ขณะที่เราคาดว่าบริษัทฯจะรักษาระดับ %GPM และ %SG&A ใกล้เคียงกับปี 61 ที่ราว 66.8% และ 46.7% ตามลำดับ ส่งผลให้กำไรปี 62 จะปรับตัวขึ้นมาที่ราว 180.2 ลบ. +22.4%YoY *หมายเหตุ : ประมาณการรายได้และกำไรของปี 62 ยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจแฟรนไชส์ที่ประเทศฮ่องกงซึ่งจะเป็นอัพไซด์ของผลการดำเนินงานในอนาคต
  • คงคำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ปรับราคาเหมาะสมเหลือ 8.5 บาท (จากเดิม 9.20 บาท) : เราประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี DCF โดยใช้สมมติฐาน WACC = 7.7% ปรับขึ้นจากเดิมที่ 6.8% จากความผันผวนของตลาด และสะท้อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของกนง.ในงวดเดือน ธ.ค.61 และ Terminal Growth = 4% ได้ราคาเหมาะสม 8.5 บาท (จากเดิม 9.20 บาท) คงคำแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

ความเสี่ยง

   i) ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและรุนแรง      ii) ธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ประสบความสำเร็จ

  iii) ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ