'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น 1 เม.ย.นี้ ต่อสายตำรวจแคนนาดา ขอมือฆ่านักธุรกิจจิวเวลรี่
“บิ๊กโจ๊ก” เผยตำรวจแคนนาดา บุกตะครุบคนร้ายชาวแอฟริกาใต้ มือฆ่านักธุรกิจจิวเวลรี่ พร้อมของกลางเสื้อเปื้อนเลือดและอัญมณีของกลางที่เหยื่อใส่ก่อนเสียชีวิตได้แล้ว ระบุ วันจันทร์ที่ 1 เม.ย.นี้ เตรียมหารือข้ามประเทศ
จากกรณีที่ นายมิสวาคี (Mr.Mzwakhe Memela) อายุ 38 ปี สัญชาติแอฟริกาใต้ ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม น.ส.ศุษมา รื่นฤทธิ์ นักธุรกิจจิวเวลรี่ ภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซอยลาดพร้าว130 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 มี.ค. โดยภายหลังก่อเหตุได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังฮ่องกง ก่อนจะเดินทางต่อไปที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ล่าสุดสามารถจับกุมตัวนายมิสวาคี ได้ที่ประเทศแคนนาดา ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน เพื่อส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทยนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.15 น. วันที่ 28 มีนาคม 2562 ที่ห้องศูนย์หมายจับคนร้ายข้ามชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เปิดเผยความคืบหน้าว่า คดีนี้ทางการแคนนาดาได้รวบรวมหลักฐาน เบื้องต้นพบเสื้อเปื้อนคราบเลือดและอัญมณีที่หายไป ซึ่งตรงกับรูปภาพที่ทางการไทยส่งไปให้ ส่วนการดำเนินการจะไปรับตัว หรือส่งตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย จะหารือกับทางการแคนนาดาในวันจันทร์ ที่ 1 เม.ย.นี้ เพื่อหารือเรื่องการส่งตัวของคนร้าย นอกจากนี้ทางฝรั่งเศลยังได้อนุมัติหมาย INTERPOL แล้ว จะเห็นได้ว่าเราทำงานอย่างรวดเร็ว ทำให้สังคมมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกับการทำงานข้ามพรมแดน ดังนั้น จึงอยากจะฝากไปถึงญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยว่า ไม่ต้องกังวลใจ ขณะนี้เราได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว และจะนำตัวกลับมารับโทษในประเทศไทยให้ได้
ทางด้าน พล.ต.ต พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. กล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจ ตม. ของแคนนาดา ได้ควบคุมตัวนายมิสวาคี เอาไว้ได้แล้ว รวมทั้ง สามารถยึดเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่ใช้ในวันก่อเหตุได้ นอกจากนี้ยังตรวจพบอัญมณี ที่ตรงกับภาพถ่ายที่ น.ส.ศุษมา รื่นฤทธิ์ นักธุรกิจจิวเวลรี่ ผู้ตายได้สวมใส่ไว้ ซึ่งยืนยันได้ว่าเป็นอัญมณีที่ได้จากตัวเหยื่อไป โดยอยู่ระหว่างประสานงานเอาตัวกลับมาลงโทษในประเทศไทย
นอกจากนี้พล.ต.ต.พนัญชัย เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงสำคัญของประเทศ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. จึงได้สั่งกำชับเรื่องการปิดประตูเปิดประเทศให้เล็กลง โดยทาง ตม.หน้าด่าน จะต้องตรวจสอบว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาภายในประเทศจะเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวจริงหรือไม่ ถ้าเข้ามาท่องเที่ยวไม่จริง หรือไม่มีเอกสาร หรือเงิน ก็จะผลักดันกลับประเทศต้นทาง โดยจะดำเนินการเอ็กซเรย์พื้นที่ทั่วประเทศ และในวันนี้ทาง บก.สส.สตม.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกลุ่มคนผิวสี ในย่านลาดพร้าว และหัวหมาก นอกจากนี้ทาง บก.สส.สตม. ยังได้ทำงานร่วมกับตำรวจทางหลวง หลังจากทราบข่าวเรื่องรถตู้นำชาวต่างชาติเดินทางไปแล้วประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจำนวนหลายคน จากการข่าวพบว่า รถตู้สีเขียวจะวิ่งฝั่งตะวันตก รถตู้สีม่วงจะวิ่งฝั่งตะวันออก ซึ่งจะมีการนำคนต่างชาติไปอินเอาท์ ซึ่งอยู่ระหว่างทำการสืบสวนประสานตำรวจทางหลวง เพื่อทำการสกัดจับนำตัวมาลงโทษต่อไป