‘ซีพีเอ็น’ ปั้นบิ๊กแบงอีเวนท์ ชิงกำลังซื้อซัมเมอร์
บรรยากาศทางการเมืองหลังการเลือกตั้งยังคงร้อนแรงวุ่นวายกับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่!! แต่ “ภาคเอกชน” ต่างมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจเดินหน้า!! เพื่อก้าวทันความต้องการของลูกค้าและคู่แข่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฟ้นสารพัดกลยุทธ์ พร้อมทุ่มงบชิงกำลังซื้อ
ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เซ็นทรัลเฟสติวัล และเซ็นทรัลเวิลด์ กล่าวว่า พฤติกรรมและรสนิยมผู้บริโภคในปัจจุบันมีความหลากหลายและเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เทรนด์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ คือ ปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “Realized Connection” ที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับคนและประสบการณ์ที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น!!
“แบรนด์ที่จะตอบโจทย์ ต้องสามารถสร้างประสบการณ์ ความหมาย และประโยชน์ให้ผู้บริโภคได้”
ปีนี้ ซีพีเอ็น จัดสรรงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ทำการตลาดเชิงรุกตลอดทั้งปี มุ่งสร้าง บิ๊กแบงอีเวนท์ส (BIG BANG EVENTS) ที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร!! โดยภาพรวม 32 ศูนย์การค้าทั่วประเทศ จะมีกิจกรรมการตลาดกว่า 2,000 อีเวนท์ เพิ่มความถี่มากขึ้นจากปี 2561 จัด 1,700-1,800 อีเวนท์
“ทุกครั้งที่มีการจัดอีเวนท์จะดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 15% ขณะที่อีเวนท์ยอดนิยมประเภทอาหาร กระตุ้นลูกค้าสูง 30-40%”
การทำตลาดของซีพีเอ็น มาจากการเจาะลึกอินไซต์ของลูกค้า ผ่านบิ๊กดาต้า จากฐานข้อมูล เดอะวัน (The 1) กว่า 15 ล้านคน และพลิกอินไซต์ให้เป็นไอเดีย Inspiration สำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงของลูกค้าให้ตรงใจที่สุด!
ประเดิม
โดยอีเวนท์ใหญ่ซัมเมอร์ปีนี้ใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท จัดแคมเปญ “ซัมเมอร์ สปิริต 2019” วันที่ 29 มี.ค.-30 เม.ย.วางกลยุทธ์อินไซเดอร์ 3 รูปแบบ ได้แก่ “สร้างประสบการณ์ 360 องศา” ครบทุกด้านทั้งแฟชั่น อาหาร “บิ๊กแบงอีเวนท์” งานสงกรานต์ สืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ไหว้พระ สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัว และก่อเจดีย์ทรายภายในศูนย์ รวมถึงปาร์ตี้สาดน้ำ ปาร์ตี้โฟม วันไหล การ “คัสโตไมซ์ เอ็กซ์พีเรียนซ์” ตาม Brand Identity และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละแห่ง โดยผ่าน INSIGHT-DRIVEN MARKETING ที่นำข้อมูลมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับลูกค้าของศูนย์การค้าซีพีเอ็น ดึงจุดเด่นของแต่ละที่มาสร้างความแตกต่าง ทำให้เกิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ทั้ง 32 ศูนย์การค้าทั่วประเทศมีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ซัมเมอร์
ณัฐกิตติ์ กล่าวต่อว่า จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันยังพบว่า มีความแตกต่างกันชัดเจนระหว่างชาวกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่สนใจและเลือกใช้บริการร้านค้าหรือร้านอาหารเหมือนกัน แต่ชาวกรุงเทพฯ นิยมร้านกาแฟ ร้านขนม แนวไลฟ์สไตล์มากกว่าต่างจังหวัดที่นิยม “ร้านอาหาร” โดยมีลูกค้าหลักกลุ่มครอบครัว เป็นโจทย์!! สำคัญต่อการปรับกลยุทธ์นำเสนอสินค้าและบริการในแต่ละสาขาแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มศูนย์การค้าต่างจังหวัดมีการเติบโตที่ดีตามเทรนด์ “สังคมเมือง” ที่ขยายตัวมากขึ้น ทั้งหัวเมืองใหญ่ และจังหวัดรอง ขณะที่เมืองท่องเที่ยวมีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเพิ่มการจับจ่ายในพื้นที่คึกคักขึ้น ทำให้หลายสาขามีแผนขยายพื้นที่ ปรับโซนสินค้า รองรับปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น ชลบุรี เชียงราย
นักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างจริงจังและพบว่าสามารถเพิ่มการจับจ่ายได้เป็นอย่างดี