‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 31.68 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 31.68 บาทต่อดอลลาร์

ตลาดการเงินโลกยังปิดรับความเสี่ยง และตลาดรอดูทิศทางชัดเจนหลังการ

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.68 บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อน

สำหรับค่าเงินบาท สัปดาห์นี้ยังคงมีแรงกดดันจากภาพตลาดการเงินโลกที่ปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) ผสมกับปัจจัยการเมืองซึ่งอยู่ในช่วงที่ต้องระมัดระวัง เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะรอความชัดเจนของการแบ่งขั้วการเมืองก่อน จึงต้องตามดูทิศทางของตลาดทุนในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อรอดูความชัดเจนว่าตลาดมองผลการเลือกตั้งว่าเป็นบวกหรือเป็นลบชัดเจนกับค่าเงินบาท

มองกรอบเงินบาทในวันนี้ 31.64 ถึง 31.74 บาทต่อดอลลาร์ และกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.50 ถึง 32.00 บาทต่อดอลลาร์

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลก มีความเคลื่อนไหวดังนี้ ฝั่งสหรัฐฯ คาดรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยสถาบัน Conference Board ในวันอังคารจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 130 จุด จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว เช่นเดียวกันกับ รายงานจีดีพีไตรมาสที่ 4 ในวันพฤหัส ที่จะขยายตัว 2.3% จากผลกระทบจากสงครามการค้าและการชะลอตัวของการลงทุนเอกชน 

นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามคำอธิบายของประธานเฟดสาขาต่างๆ หลังการประชุมครั้งล่าสุดที่ได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายมากขึ้น

ฝั่งยุโรป ความเสี่ยงสงครามการค้าและปัญหาการเมืองยุโรปยังเป็นประเด็นสำคัญ วันจันทร์นี้ ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจเยอรมันโดยสถาบัน IFO จะปรับตัวลดลงต่อ ไปที่ 97.5 จุด พร้อมกับกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตเยอรมันที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 44.7 จุด 

นอกจากนี้ คาดว่าจีดีพีอังกฤษในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะรายงานในวันศุกร์ จะขยายตัวเพียง 1.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และช่วงกลางสัปดาห์ ตลาดจะจับตาความคืบหน้ากระบวนการ Brexit โดยเฉพาะมติของสหภาพยุโรปว่าจะอนุมัติให้อังกฤษสามารถเลื่อนกำหนดการออกจากสหภาพยุโรปได้หรือไม่

ฝั่งเอเชีย คาดยอดค้าปลีกญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์จะกลับมาขยายตัว 0.8% จากเดือนก่อนหน้า หลังจากหดตัวถึง 1.8% ในเดือนมกราคม

ฝั่งไทย มองว่าดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมการผลิต (MPI) ของเดือนกุมภาพันธ์ ในวันศุกร์จะปรับตัวลดลงต่อจากแนวโน้มชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจจีนชะลอตัว 

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ตลาดจะให้ความสนใจผลการเลือกตั้ง โดยเฉพาะแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาล