9 จว.ภาคเหนือคุณภาพอากาศภาพ อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ

9 จว.ภาคเหนือคุณภาพอากาศภาพ อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ปภ.รายงาน 9 จว.ภาคเหนือคุณภาพอากาศภาพรวมอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีแดง) เร่งประสาน-สนับสนุนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.62 นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เวลา 05.00 น. พบว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 รวม 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย (ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย) เชียงใหม่ (ตำบลช้างเผือก ตำบลศรีภูมิ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม) ลำปาง (ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง ตำบลบ้านดง ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ) ลำพูน (ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน) แม่ฮ่องสอน (ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน) น่าน (ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน ตำบลห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ) แพร่ (ตำบลนาจักร อำเภอเมืองแพร่) พะเยา (ตำบลบ้านต๋อม อำเภอเมืองพะเยา) ตาก (ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด)

โดยสถานการณ์ในภาพรวมมีค่า PM2.5 ระหว่าง 95 – 236 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 144 – 278 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQIมีค่าระหว่าง 205 - 346 ซึ่งคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (ระดับสีแดง) ในทุกพื้นที่ โดยจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ ค่า PM2.5 อยู่ที่ 236 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 อยู่ที่ 278 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI 346 ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการระดมเครื่องจักรกลสนับสนุนมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ โดยฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ รวมถึงประสานการปฏิบัติป้องกันและควบคุมปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ได้ประสานจังหวัดดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด ส่วนพื้นที่เกษตรกรรมได้กำหนดช่วงเวลาและประกาศเขตห้ามเผา รณรงค์การไถกลบแทนการเผา อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์ไม่ให้รุนแรงมากขึ้น สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควันปกคลุมให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานานใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดม ฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป