'ประยุทธ์' ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พปชร. ลั่นยอมตายเพื่อแผ่นดินนี้

'ประยุทธ์' ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พปชร. ลั่นยอมตายเพื่อแผ่นดินนี้

"พล.อ.ประยุทธ์" ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่พรรคพลังประชารัฐ โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 62 ลั่นยอมตายเพื่อแผ่นดินนี้

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.62 เวลา 17.00 น. ที่สนามเทพหัสดิน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กทม. นานอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พร้อมแกนนำ และผู้สมัครส.ส. เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ภายใต้ภายใต้แนวคิด “เปิดใจประชารัฐ รวมใจประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว” โดยมีการจัดเก้าอี้ไว้รองรับประชาชนประมาณ 15,000 ที่นั่ง ทั้งนี้ เป็นที่จับตามาโดยตลอดช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้ายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพปชร. จะมาขึ้นเวทีปราศรัยหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีโอกาสสูงที่พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจมาร่วมเวที

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 19.17 น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงสนามเทพหัสดิน โดยสวมชุดลำลอง เสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีน้ำเงิน จากนั้น ได้เดินทักทายประชาชนผู้สนับสนุน ก่อนเดินขึ้นเวทีที่ตั้งอยู่ตรงกลางสนาม ท่ามกลางเสียงโห่ร้องต้อนรับจากประชาชนพร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ ซึ่งก่อนกล่าวบนเวทีได้ร่วมร้องเพลงหยุดตรงนี้ที่เธอ ของฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน ร่วมกับประชาชนอย่างครื้นเครง และได้ปราศรัยกับประชาชนบนเวทีเป็นเวลา 7 นาที

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปราศรัยว่า สัญญาว่าจะดูแลคนทั้ง 77 จังหวัด เดินไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่ดีกว่า ผมมาวันนี้เพื่อขอบคุณคนไทยทั้งประเทศในการให้ความร่วมมือกันมาตลอด 5 ปี รู้ว่าทุกคนเหนื่อยตนเองก็เหนื่อย แต่ตนเหนื่อยไม่ได้ ถ้าผมเหนื่อยผมท้อ และพวกท่านจะไม่ยิ่งกว่าผมหรือ ผมจะทำต่อไปให้ดีที่สุด จะเอา 20 ปีเลยหรือ เราต้องรวมพลังกัน ที่ผ่านมาตนเป็นทหารแต่วันนี้ตนเป็นประชาชน ตนมีหน้าที่ของผมและจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด นโยบายของทุกคนดีทั้งหมดแต่ต้องหาคนมาทำนโยบาย และทำให้ได้ ตนยืนหยัดตรงนี้จะทำให้เต็มที่ ทำให้กับคนไทยทุกคน ไม่ใช่จะทำกันเรื่อยเปื่อย มันไม่ได้แล้วเราต้องมีวิธีการที่เหมาะสม ผมอยากจะบอกว่าทุกวันนี้ตนมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบประชาชนทุกจังหวัด มีทั้งคนรักคนไม่รัก แต่ในที่นี้คิดว่ารักตนหมดทุกคน จะมากจะน้อยสิ่งเหล่านี้คือกำลังใจ ให้ตนและทุกคนทำงานต่อไป ถ้าไม่มีกำลังใจมันก็ไปไม่ได้ เราต้องเติมใจให้กัน จับมือกันให้เข้มแข็งเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งทำได้ ถ้าคน 68 ล้านคนจับมือกันจะทำได้ทุกอย่าง

"ลุงอยู่มา 5 ปีรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้น อะไรคือปัญหาและอุปสรรค เราต้องช่วยถางทางตรงนี้ให้โล่ง ลุงก็ถางมาโล่งพอสมควรแล้ว เราต้องทำให้เกิดความสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนสามารถเดินทางไปในทุกๆที่ได้ เพราะบ้านเมืองสงบสุข เราต้องทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ต่อจากนี้ไปเราต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง เราจะต้องนำหัวใจความรักความสามัคคีกลับคืนมา เราร้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ วันนี้เราอย่ามัวนั่งรอต้องลุกขึ้น ก้าวเดินไปพร้อมๆ กับผม พยุงกันไป ลากกันไป เข็นกันไปก็ต้องทำ เพราะเรามีศักยภาพมากมาย ประเทศไทยมีโอกาสศักยภาพ แต่มักมีวิกฤตมาเสนอ เราอย่าทำให้วิกฤตเหล่านั้นเกิดขึ้นมาอีก ขอบคุณทุกคนในกำลังใจและความรักที่ให้กับผมมา ผมจะตอบสนองไปให้ไม่น้อยกว่าที่ให้ผมมา ผมให้ได้ทั้งชีวิตและจิตใจ ผมจะยอมตายเพื่อแผ่นดินผืนนี้ แผ่นดินที่ให้ผมเกิด ให้ผมมีที่กินอยู่หลับนอนและมีอาชีพ ผมต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ เพื่อลูกหลานในอนาคต จะไปกับผมไหม ประเทศไทยจะไม่ล้มอีกต่อไป จะไม่นั่งรอใครอีกต่อไป เราจะเดินไปข้างหน้า ยืนขึ้นและจับมือกันเดินไป และหวังว่ากำลังใจนี้จะอยู่คู่กับผมไปนานเท่านาน เราจะร่วมกับทำประวัติศาสตร์ประเทศไทยในที่ดีกว่า ในวันข้างหน้า ทำวันนี้เพื่อประวัติศาสตร์ที่ดีในข้างหน้า ประวัติศาสตร์ที่ไม่ดีจำไว้เป็นบทเรียน อย่าให้ใครมาบอกว่าลืมวันนั้น ไม่จำวันนี้ วันนี้ไม่ทำแล้วไปทำวันหน้า มันไม่มีอนาคตทั้งสิ้น

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เปิดดูในเฟซบุ๊กวันนี้ผมเปิดดูในเฟซบุ๊ก อดไม่ได้กลัวพี่น้องจะเสียขวัญ ขอร้องอย่าเสียขวัญ ขวัญอยู่กับตัวกลัวอะไร ขวัญอยู่ที่ศีรษะ และอยู่ที่ใจ หัวใจอันยิ่งใหญ่ หัวใจแห่งความรักความสามัคคี ทำบ้านเมืองเราให้สงบปลอดภัย จะมีพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ ใครจะมาทรยศแผ่นดินนี้ไม่ได้เด็ดขาด เราจะต่อสู้เพื่อรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์