เปิดปูมปธน.สหรัฐใช้“Blind Trust”โชว์โปร่งใส

เปิดปูมปธน.สหรัฐใช้“Blind Trust”โชว์โปร่งใส

เมื่อโอนหุ้น หรือมูลค่าทรัพย์สินของตัวเองเข้ากองทุน “blind trust” แล้วเท่ากับทรัพย์สินเหล่านั้นจะถูกบริหารจัดการภายใต้ผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กร 

ในแวดวงการเมืองสหรัฐ ประธานาธิบดีหลายคนเลือกจัดการทรัพย์สิน เพื่อป้องกันการเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน และเพื่อแสดงความโปร่งใสด้วยรูปแบบของ “blind trust” โดยเฉพาะหากเป็นนักธุรกิจมาก่อน แล้วมาเป็นประธานาธิบดี ย่อมมีโอกาสที่จะออกกฎหมาย หรือนโยบายต่างๆที่อาจเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตัวเอง แต่เมื่อโอนหุ้น หรือ มูลค่าทรัพย์สินของตัวเองเข้ากองทุน “blind trust” แล้วเท่ากับทรัพย์สินเหล่านั้นจะถูกบริหารจัดการภายใต้ผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กร 

ระหว่างการดำรงตำแหน่งทางการเมืองเจ้าของทรัพย์สินคนนั้น จะไม่มีทางรู้ว่าทรัพย์สินของตัวเองถูกบริหารจัดการอย่างไร และไม่สามารถจัดการบริหารทรัพย์สินเหล่านั้นได้ จึงเรียกกันว่า “blind trust ” และเจ้าของเดิมจะมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวอีกครั้งก็ต่อเมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ซึ่งทรัพย์สินที่ว่าจะมูลค่ามากขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา

blind trust ถูกใช้เป็นเครื่องมือที่แสดงให้สังคมรู้ว่านักการเมืองคนนั้นมีความจริงใจ และพร้อมสร้างความโปร่งใสในเรื่องทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ ซึ่งนายบิลล์ คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเลือกใช้ blind trust ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง เช่นเดียวกันกับอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกในปี 2550 ให้ความสำคัญกับการสร้างความโปร่งใสเรื่องผลประโยชน์มาก ตัดสินใจจำหน่าย blind trust ออกไปเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาตามมา และถือครองแค่บัญชีเงินฝากธนาคาร พันธบัตร และกองทุนรวม

ส่วนนายบารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีอีกคน ไม่ได้ใช้รูปแบบ blind trust แต่ใช้แนวทางใกล้เคียงกันในการถือครองทรัพย์สินที่ประกอบด้วยเงินสด บ้าน พันธบัตร, อินเด็กซ์ ฟันด์ และกองทุนสถาบันการศึกษา ซึ่งไม่เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและถือว่าเป็นประธานาธิบดีที่ไม่ได้มีทรัพย์สินมาก

มาถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ ที่เป็นนักธุรกิจระดับพันล้านมาก่อน ก่อนจะมาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และมีทรัพย์สินมหาศาลหลากหลายรูปแบบทั้งอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงทรัมป์ทาวเวอร์ รีสอร์ทมาร์-อะ-ลาโก ทั้งยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆทั่วโลก

ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่ได้โอนทรัพย์สินเข้า blind trust เหมือนอดีตประธานาธิบดีคนก่อนๆ โดยทีมกฏหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า กรณีของทรัมป์ไม่เข้าข่ายผิดจริยธรรม ประกอบกับทรัมป์ได้ถ่ายโอนการบริหารทรัมป์ ออร์กาไนเซชันให้บุตรชาย  ส่วนตัวเขาและอิวานกา ทรัมป์  บุตรสาวลาออกจากทุกตำแหน่งในทรัมป์ ออร์กาไนเซชัน

นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังขายทรัพย์สินบางส่วนที่เป็นการลงทุนในบริษัทมหาชนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ และการลงทุนที่มีสภาพคล่อง ทำให้ถือครองเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสด รวมทั้งพันธบัตร และการลงทุนอื่นที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบ และสำหรับทรัพย์สินอื่นที่ต้องปฏิบัติตามที่สำนักงานจริยธรรมกำหนดได้มีการโอนไปเข้าทรัสต์รวมกับทรัพย์สินที่เป็นธุรกิจ เช่น ทรัมป์ทาวเวอร์ และรีสอร์ทมาร์-อะ-ลาโก

อย่างไรก็ตาม การใช้ blind trust เป็นเครื่องมือหลีกเลี่ยงประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนในสหรัฐมามาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน และอดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์  โดยอดีตผู้นำทั้งสองคนของสหรัฐได้กำหนดอายุของ blind trust ไว้ตลอดระยะเวลาการทำหน้าที่ จนพ้นจากตำแหน่งจึงยุบ blind trust และโอนทรัพย์สินคืนมา