ORI - ซื้อ

ORI - ซื้อ

Speed bump to slow down not to stop

เราคาด ORI จะมีกำไรที่แข็งแกร่งในปีนี้ เพราะบริษัทมี Backlog ที่จำนวนมาก ซึ่งรองรับเป้าหมายยอดโอนไปแล้วถึง 66% สูงที่สุดในอุตสาหกรรม สำหรับมาตรการ LTV ใหม่ที่กำลังจะเริ่มใช้เรามองเป็นเพียง Speed bump ที่จะชะลอความร้อนแรงลงเท่านั้น ในมุม Valuation ปัจจุบัน PE อยู่ในระดับต่ำมาก คือ 5.5 เท่า เราแนะนำ ซื้อ เพื่อรอรับประเด็นบวกทั้ง Presales และ Earnings ที่คาดจะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง

Backlog แข็งแกร่ง มีการกระจายตัวของลูกค้าที่เหมาะสม ...

บริษัทมี Backlog ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม ปัจจุบันมี 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าชาวไทย 74% และลูกค้าชาวต่างชาติอีก 26% ซึ่งประกอบไปด้วย ฮ่องกง 9%, สิงคโปร์ 7%, จีน 6%, ไต้หวัน 1% และ อื่นๆ 3% หากเราใช้สมมุติฐานว่าลูกค้าชาวจีน 30-40% ได้รับผลกระทบจากการกีดกันทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ Backlog ของบริษัทจะได้รับผลกระทบเพียง 2% เท่านั้น นอกจากนี้บริษัทเรียกเงินทำสัญญาจากลูกค้าต่างชาติสูงถึง 25-30% ซึ่งช่วยการันตีความมั่นคงของ Backlog ไประดับหนึ่งแล้ว

… Backlog รองรับรายได้มากที่สุดในอุตสาหกรรม

จาก Backlog ที่แข็งแกร่ง เรามองว่าบริษัทจะสามารถทำยอดโอนได้ตามเป้าหมาย บริษัทตั้งเป้ายอดโอนปีนี้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17%YoY) โดยที่บริษัทมี Backlog รองรับรายได้ไว้แล้วถึง 66% นับเป็นสัดส่วนมากที่สุดในอุตสาหกรรม หากหักส่วนที่มี Backlog ออกไปจะพบว่าเหลือยอดโอนส่วนที่บริษัทต้องหาเพิ่มอีกราว 6 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากการขายโครงการแนวราบที่เปิดตัวแล้วสามารถโอนได้เลยในปีราว 2-3 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะเป็นการโอนคอนโค

2019 ยังคงเปิดโครงการเยอะ แต่ก็ตั้งใจระบายสต็อก

แผนเปิดโครงการใหม่เป็นการกระจายความเสี่ยงมากขึ้น โดยเพิ่มสัดส่วนการเปิดโครงการแนวราบ ซึ่งปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ 2.6 หมื่นล้านบาท (flat YoY) แบ่งเป็นโครงการคอนโด 77% หรือ 2.0 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการแนวราบ 23% หรือ 6.0 พันล้านบาท

บริษัทตั้งเป้า Presales 2.8 หมื่นล้านบาท (มากกว่าแผนเปิดตัว = บริษัทตั้งใจระบายสต็อก) ซึ่งบริษัทมีประวัติการ Presales ที่มากกว่า หรือใกล้เคียงกับยอดเปิดตัวโครงการใหม่ใน 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทมี inventory ที่อยู่ในระดับต่ำมาโดยตลอด

กลยุทธ์ที่ดี มาในเวลาที่ถูกต้อง

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลยุทธ์ของบริษัทในปีนี้ที่ มุ่งเน้นการกระจายและจำกัดความเสี่ยง โดยที่ 1) กระจายไปเปิดโครงการแนวราบมากขึ้น 2) โครงการ Park Origin ลดระดับราคาต่อห้องลง จาก 7 ล้านบาทขึ้นไปเหลือ 4-6 ล้านบาท และลดขนาดโครงการเหลือแห่งละ 3 พันล้านบาทเท่านั้น  3) เลี่ยงการเปิด Mid-end (ราคา 2.5-4.0 ล้านบาท) คอนโดที่มีปัญหาด้านการซื้อเพื่อลงทุนจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา