'ศรีสุวรรณ' ซัดนโยบายพรรคการเมืองแข่งแจกเงิน

'ศรีสุวรรณ' ซัดนโยบายพรรคการเมืองแข่งแจกเงิน

"ศรีสุวรรณ" โพสต์ซัดนโยบายพรรคการเมืองแข่งแจกเงิน ส่อขัดรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 16 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ความว่า แถลงการณ์ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เรื่อง นโยบายแข่งกันแจกเงินของพรรคการเมืองส่อขัดรัฐธรรมนูญ

ด้วยขณะนี้ปรากฏเป็นการทั่วไปในการโฆษณาหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ของนโยบายจะมีลักษณะการใช้เงิน การแจกเงิน อย่างมากมายเข้าข่ายเป็นนโยบายประชานิยม เช่น การขึ้นค่าแรง 400-425 บาท ปริญญาตรี 18,000-20,000 บาท เบี้ยเด็ก 1,200 บาท เบี้ยวัยรุ่น 2,000 บาท เบี้ยคนชรา 1,800 บาท ข้าวหอมตันละ 18,000 บาท ฯลฯ ซึ่งการกำหนดนโยบายและการโฆษณาหาเสียงดังกล่าวจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง ม. 258 ก. (3) ประกอบ ม. 57 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ด้วย

กล่าวคือ นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงิน การประกาศโฆษณานโยบายนั้น อย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้ (1) วงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ในการดําเนินการ (2) ความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดําเนินนโยบาย และ (3) ผลกระทบและความเสี่ยงในการดําเนินนโยบาย เพื่อที่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ตัดสินใจที่จะลงคะแนนให้กับผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใดได้

แต่ปรากฏว่านับตั้งแต่มี พรฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ออกมา พรรคการเมืองส่วนใหญ่ที่ลงชิงชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ยังไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม ม. 57 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เลยและอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.62 ประกอบ พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศล้มเหลวเหมือนดั่งประเทศเวเนซุเอลาในขณะนี้ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำต้องนำความไปร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันจันทร์ที่ 18 มี.ค. 62 เวลา 13.00 น. เพื่อขอให้สั่งพรรคการเมืองต่าง ๆ ดําเนินการให้ครบถ้วนและถูกต้องภายในระยะเวลาที่ กกต.กําหนดก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งหากพรรคการเมืองใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของ กกต. ให้มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่ยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามมาตรา 121 ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ต่อไป ซึ่งหาก กกต. ยังเพิกเฉยต่อการแจ้งและบังคับให้พรรคการเมืองต่างๆปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายข้างต้นแล้ว อาจทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งสมาคมฯอาจพิจารณานำไปสู่การฟ้องร้องเพื่อขอให้ศาลสั่งให้การเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้เป็น “โมฆะ” ต่อไป