ชีวิตคิดบวกในยุคดิจิทัล บนแพลตฟอร์ม 'Ooca'

ชีวิตคิดบวกในยุคดิจิทัล บนแพลตฟอร์ม 'Ooca'

ในยุคที่เทคโนโลยีที่มีความรวดเร็วและอัตโนมัติ สะดวกสบาย เพิ่มประสิทธิภาพ แต่อีกด้านหนึ่งก็กลับส่งผลให้คนเกิดความเครียด วิตกกังวล มีความกดดัน

ซึ่งตัวเลขผลสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตของคนไทยเมื่อปีพ.ศ. 2556 พบมีคนไทยประมาณ 900,000 คนที่เป็นโรคซึมเศร้า ประมาณ 1.6 ล้านคนที่เป็นโรควิตกกังวล


“จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ทำให้งาน HR องค์กรต่าง ๆเวลานี้ให้ความสำคัญกับ Soft Side และมีการพูดถึงเรื่องของ “Mindful Organizations” เรียกว่าแม้กระทั่งบริษัทใหญ่ๆระดับโลกอย่างเฟสบุ๊ค กูเกิล ปัจจุบันก็ยังมีหลักสูตรการนั่งสมาธิ การผ่อนคลายให้กับพนักงานในองค์กร เพื่อให้คนมีความสุข ทำงานอย่างมีสติ สามารถปลดปล่อยศักยภาพในตัวเองอย่างเต็มที่


เช่นเดียวกับสุขภาพกาย หากสุขภาพใจมีอาการเจ็บป่วยก็ย่อมต้องส่งผลกระทบทั้งต่อตนเอง ครอบครัว เศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ


ทำให้สตาร์ทอัพที่ดูแลสุขภาพจิต “Ooca” แพลตฟอร์มสำหรับปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาออนไลน์ที่ช่วยให้คนไทยสามารถพูดคุยปรึกษาปัญหาคาใจกับจิตแพทย์และนักจิตวิทยาได้อย่างสะดวกสบายผ่านวิดีโอคอล คว้ารางวัลจากเวที “ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปี 6” อีกทั้งได้รับเงินลงทุนจาก กองทรัสต์ SMEs Private Equity Trust Fund โดยธนาคารออมสิน กองที่ 2 ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนโดยธนาคารออมสินและตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี Expara Thailand ซึ่งเป็น VC ชั้นนำของอาเซียน เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ รวมทั้งยังได้รับเงินลงทุนจาก ดีแทค แอคเซอเลอเรท อีกด้วย


“ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์” (หมออิ๊ก) ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง เคยเล่าให้กรุงเทพธุรกิจฟังถึงที่มาของ Ooca ว่าเกิดจากการทำงานที่ทั้งหนักและเหนื่อยของตัวเอง กระทั่งเกิดความเครียด ความไม่สบายใจทำให้ต้องการขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ ซึ่งเมื่อได้พบได้พูดคุยก็รู้สึกสบายใจ รู้สึกผ่อนคลาย


Ooca เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้ทุกคนเข้าถึงจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น โดยเข้าใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน โดยปัจจุบัน Ooca มีจิตแพทย์และนักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายกลุ่มอาการหมุนเวียนอยู่ในระบบเพื่อที่จะสามารถรองรับการให้คำปรึกษาได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย อาทิ ความเครียด ภาวะซึมเศร้า ปัญหาครอบครัว การงาน ฯลฯ


"ภายหลังที่เปิดให้บริการเพียงสี่เดือน เราได้ขยายการบริการเพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพจิตใจคนในองค์กรโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือการทำความเข้าใจคนในองค์กร ทั้งใช้หลักการทางสถิติการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาช่วยเพิ่มความเข้าใจสภาวะจิตใจของคนในองค์กร เรามีลูกค้าใหญ่หลายรายที่ตัดสินใจร่วมงานกับเราต่อในปีที่สอง ซึ่ง Ooca มีความพร้อมที่จะเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานในการดูแลใจคนในองค์กรชั้นนำทั่วประเทศ"


แผนต่อยอดธุรกิจเพื่อพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำของประเทศไทยในด้านการให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิตออนไลน์นั้น Ooca มีเป้าหมายที่จะทำให้การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยานั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาของคนไทย ใครๆ ก็เข้าปรึกษาได้ โดยไม่จำกัดสถานที่และเวลา โดยข้อมูลทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับ


อีกทั้งจะเพิ่มจำนวนจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเข้ามาในแพลตฟอร์ม ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ก็เพื่อรองรับการขยายงาน นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มดูแลจิตใจผู้คนสำหรับผู้ยากไร้ชื่อว่า "wall of sharing" เพื่อดูแลจิตใจผู้คนได้ทุกชนชั้น ซึ่งถือเป็นการวาง business model ในรูปแบบใหม่เพื่อหวังจะช่วยแก้ไขปัญหาสังคมที่เวลานี้มีความท้าทายค่อนข้างสูง


ปัจจุบัน Ooca ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานและองค์กรที่ล้วนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางด้านการให้ความสำคัญในเรื่องการใส่ใจและการดูแลผลประโยชน์ของพนักงาน ซึ่ง Ooca ได้มองเห็นถึงโอกาสอีกมากถึงความสนใจและความต้องการของบริการนี้จากหลาย ๆ องค์กรในประเทศไทย


“อนิกซ์ ลินซ์” Partner บริษัท Expara ซึ่งเป็น VC ผู้จัดการกองทรัสต์ SMEs Private Equity Trust Fund โดยธนาคารออมสิน กองที่ 2 กล่าวว่า ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงการบริการ Ooca เพื่อรับบริการให้คำปรึกษาที่สามารถตอบโจทย์ของผู้ใช้งานได้ในด้านจิตใจ เป็นโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ทั้งด้านธุรกิจและด้านสังคม


"ปัญหาสุขภาพจิตเป็นปัญหาใหญ่ทางสังคมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการฆ่าตัวตาย ซึ่ง Ooca สามารถป้องกันปัญหานี้ได้ โดยเป็นที่ปรึกษาเพื่อรับฟัง ช่วยเหลือและแนะนำแนวทางในการค้นพบศักยภาพหรือคุณค่าที่ไม่ได้ตระหนักถึง เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในตนเอง สำหรับด้านธุรกิจแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Corporate Wellness คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดทั่วโลกสำหรับ Segment นี้จะเติบโตถึง 2.8 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 เนื่องจากบริษัทต่างๆกำลังหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงาน และลงทุนด้านสวัสดิการพนักงานมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพทั้งทางกายและทางใจ เนื่องจากปัญหาสุขภาพจิต เช่น อาการซึมเศร้าสามารถส่งผลกระทบให้พนักงานขาดงาน หรือทำงานอย่างมีประสิทธิภาพน้อยลง"


ด้าน “สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์” กรรมการผู้จัดการ ดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า Ooca เป็นสตาร์ทอัพ ที่เป็น Best Performance Startup ในปี 6 ที่มีความสามารถโดดเด่น และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาแพลตฟอร์มและแสวงหาโอกาสในความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง
"ในระยะเวลาเพียง 6 เดือนหลังจากจบ บูทแคมป์ของดีแทคแอคเซอเลอเรทไป Ooca ได้ไปร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของประเทศมากกว่า 10 ราย และให้บริการดูแลพนักงานในบริษัทนั้นๆกว่า 20,000 รายทำให้ Ooca เป็นอีกหนึ่ง HealthTech สัญชาติไทยที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก"