สภาอังกฤษโหวตไม่เห็นชอบเบร็กซิทไร้ข้อตกลง

สภาอังกฤษโหวตไม่เห็นชอบเบร็กซิทไร้ข้อตกลง

ขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะลงมติในวันพรุ่งนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่

รัฐสภาอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียงในวันนี้ ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) โดยไร้ข้อตกลง ซึ่งขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะลงมติในวันพรุ่งนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้อียู ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะเจรจากับ อียู ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้อียูขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจากอียูอย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.

นอกจากนี้ หากพรุ่งนี้ รัฐสภามีมติเรียกร้องให้อียูขยายกำหนดเวลาเบร็กซิทออกไปอีก 3 เดือน ก็จะทำให้ต้องมีการขยายเวลาของการบังคับใช้มาตรา 50 ซึ่งเป็นบทบัญญัติควบคุมกระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวอย่างสิ้นเชิงต่ออียู

การขยายเวลาเบร็กซิท หรือการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 อาจส่งผลกระทบทางการเมืองหลายประการต่ออังกฤษ เช่น อาจมีการจัดการลงประชามติเบร็กซิทครั้งใหม่ หรืออาจมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้อังกฤษไม่มีการแยกตัวจากอียูในที่สุด

เมื่อวานนี้ สมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 391-242 เสียงคว่ำข้อตกลงเบร็กซิท ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทำไว้กับผู้นำอียูก่อนหน้านี้ แม้ว่านางเมย์ได้รับความเห็นชอบจากผู้นำอียู ให้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเบร็กซิท โดยมีผลผูกพันทางกฏหมาย ซึ่งรวมถึงนโยบายแบ็กสต็อป( backstop )ซึ่งเป็นนโยบายในการรับประกันว่า จะไม่มีการกลับไปใช้มาตรการควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวดระหว่างไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นรัฐสมาชิกของสหภาพยุโรป

ครั้งนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ของนางเมย์เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 432 ต่อ 202 เสียงในเดือนม.ค. คว่ำร่างข้อตกลงเบร็กซิทของนางเมย์ ส่งผลให้นางเมย์เป็นผู้นำรัฐบาลอังกฤษที่ประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดในรัฐสภาในรอบ 95 ปี