13 มี.ค. 'วันช้างไทย' ศูนย์คชศึกษาหมู่บ้านช้างสุรินทร์
ศูนย์คชศึกษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ หมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกบ้านตากลางจัดใหญ่ "วันช้างไทย" สุดอลังการ 8 ฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ประทับใจ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 13 มี.ค.62 ที่ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้างเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในยโลก ที่หมู่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์,องค์การบริหารตำบลกระโพ,อำเภอท่าตูมจังหวัดสุรินทร์ ได้จัดพิธีทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์ ซึ่งมีส่วนราชการ และชาวช้างนำช้างเข้าร่วมพิธี นำโดยช้างพลายคู่แฝดคู่แรกของโลกคือพลายทองคำ กับ พลายทองแท่ง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ช้าง และควาญช้างที่ล่วงลับไปแล้วเนื่องในวันช้างไทย
จากนั้น นายนิวัฒน์ น้อยผาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้กล่าวประกาศเกียรติคุณช้างไทยและเปิดงาน “วันช้างไทย” ขึ้นที่บริเวณลานแสดงช้าง ในโครงการอีเลเฟนต์เวิลด์ เพื่อเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติภูมิช้างไทย รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวศูนย์คชศึกษาบ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ และโครงการโลกของช้าง โดยมีการแสดงของช้างในฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่อลังการจำนวน 8 ฉากการแสดง มีนักแสดงหลายร้อยคน ประกอบไปด้วย ช้างอีกกว่า 50 เชือก การแสดงประกอบด้วย องค์ที่ 1 สุรินทร์ถิ่นคชสาร ตำนานชาวกูย, องค์ที่ 2 การโพนช้างในตำนาน องค์ที่ 3เชียงปุม คชศาสตร์เกรียงไกรประทายสมันต์, องค์ที่ 4 ยุทธหัตถี เกียรติก้อง เกรียงไกรรบไพรี, องค์ที่ 5 ศักดิ์ศรีช้างไทย, องค์ที่ 6 การแสดงช้างแสนรู้ องค์ที่ 7 ตำบอลช้าง โปโลช้าง และองค์ที่ 8 ช้างไทยใต้ร่มพระบารมี
โดยเฉพาะฉากยุทธหัตถี, ฉากที่ผู้คนต่างตื่นเต้น และสร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก เล่าถึงการต่อสู้เพื่อช่วงชิงชัยชนะ และศักดิ์ศรีเพื่อปกป้องบ้านเมือง ขับไล่อริราชศัตรูที่เข้ามารุกรานบ้านเมือง ซึ่งช้างเป็นพาหนะสำคัญในการทำศึกสงครามของชาติไทย โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์จะทรงใช้ช้างเป็นพาหนะคู่ใจในการนำทัพออกไปสู้รบและทำสงครามยุทธหัตถี เมื่อได้รับชัยชนะถือเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วหล้า มีประชาชน และนักท่องเที่ยวมาร่วมเลี้ยงอาหารช้างอย่างคึกคัก ท่ามกลางความประทับใจของประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
สำหรับวันช้างไทย ศูนย์คชศึกษาหมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ได้เข้ามาดูแลเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อนและดำเนินโครงการนำช้างคืนถิ่นเพื่อพัฒนาสุรินทร์บ้านเกิด ร่วมกับ โครงการคชอาณาจักร องค์การส่วนสัตว์ในพระราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกันกำหนดจัดขึ้นทุกปี โดยในแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมพิธีและชมกิจกรรมภายในงานจำนวนมาก ซึ่งล้วนประทับใจในการแสดงของช้าง