WORK - ซื้อ

WORK - ซื้อ

Why not roll the dice?

ปัจจุบันราคาหุ้น WORK เทรดอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจดิจิตอลทีวี หากรายการใหม่ของช่องสามารถที่จะชนะใจผู้ชมได้คาดจะหนุนให้ราคาหุ้นแรลลี่ขึ้นได้ไม่ยาก เมื่อคุณทอยลูกเต๋าโดยปกติโอกาสในการออก “6” จะอยู่ที่ 16.7% แต่เรามองจากการคาดการณ์ผลการด่าเนินงานรวมถึงระดับราคาของ WORK โอกาสที่จะทอยออกมาได้ 4-6 นั้นมีมากกว่า 1-3 หากความเสี่ยงจำกัด แต่อัพไซด์เปิดกว้าง...ทำไมไม่ลองดู? เราได้ปรับ PER ที่อิงกับราคาเป้าหมายของเรามาที่ 23 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวอยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 30 บาท

สัดส่วนความเสี่ยงต่ออัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจ

มูลค่าปัจจุบัน WORK อยู่ในระดับถูกด้วย PER ปี 2562 อยู่ที่ในระดับต่ำกว่า 20 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในระยะยาวที่ 52 เท่า ในช่วงปีทอง (2559-2560) ซึ่งเป็นตอนที่เรตติ้งเพิ่มขึ้นจาก 0.6 มาสูงกว่า 1 ในระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น จากคอนเทนต์ของรายการได้รับความนิยมอย่างมาก (รายการ The Mask Singer season 1 มีค่าเฉลี่ยเรตติ้งอยู่ที่ 8.4 และสูงสุดอยู่ที่ 10.5 และรายการ I Can See Your Voice มีค่าเฉลี่ยเรตติ้งอยู่ที่ 6.5 และสูงสุดอยู่ที่ 9.0) ส่งผลให้ 12-month forward PER ปรับเพิ่มขึ้นจาก 20 เท่า เป็น 100 เท่า แต่ปัจจุบันเรตติ้งทีวีปรับตัวมาอยู่ที่ราวๆ 0.8 แต่ PER ปี 2562 ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำกว่า 20 เท่า (รูปที่ 1) ซึ่งเป็น PER ที่ต่ำที่สุดรับตั้งแต่เข้าสู่ธุรกิจ
ดิจิตอลทีวี และยังต่ำกว่า PER ในช่วงที่เรตติ้งอยู่ที่ 0.6

หากรายการใหม่บางรายการของ WORK ในปี 2562 (แค่รายการเดียวก็เพียงพอต่อการหนุนความเชื่อมั่น) สามารถดึงดูดผู้ชมได้ เราคาดราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ไม่ยากไปเทรดที่ระดับ PER 30-40 เท่า ซึ่งหมายความว่ามีอัพไซด์ต่อราคาหุ้นราว 50-100% และถ้าอ้างอิงจากการประมาณการ EPS ของตลาดที่ 1.15 บาท ราคาหุ้นในปัจจุบันเทรดที่ PER 21 เท่า ดังนั้นเราเชื่อว่าความเสี่ยงด้านล่างนั้นมีอยู่จำกัด ในขณะที่อัพไซด์ด้านบนเปิดกว้าง

ต้นทุนที่ลดลง 150-200 ล้านบาทมุ่งตรงสู่กำไร

ต้นทุนการผลิตคาดว่าลดลง 150-200 ล้านบาท YoY ในปี 2562 (จาก 800 ล้านบาทมาอยู่ที่ 650 ล้านบาท) เนื่องจากต้นทุนค่าตัดจำหน่ายลดลง, ต้นทุนคอนเทนต์รายการกีฬาลดลง (รายการเอเชียนเกมส์ในปี 2561) และไม่มีค่าใช้จ่ายในการให้สิทธิการซื้อหุ้นแก่พนักงาน (ESOP) หากพิจารณาจากแค่ผลกระทบจากต้นทุนดังกล่าวที่หายไป กำไรของ WORK จะปรับตัวสูงขึ้น 43-58% จากในปี 2561 มาอยู่ที่ 496-546 ล้านบาทในปี 2562 ปัจจุบันเราคาดการณ์ว่ากำไรในปี 2562 อยู่ที่เพียง 573 ล้านบาท ดังนั้น WORK ต้องสร้างกำไรส่วนเพิ่มอีกแค่ 27-77 ล้านบาท ก็จะสามารถทำได้ตามการประมาณการของเรา ทั้งนี้การคาดการณ์กำไรของตลาดอยู่ที่ 483 ล้านบาทเท่านั้นดังนั้นเราคาดว่าจะเห็นการประมาณการกำไรของตลาดขึ้นในอนาคต (และอาจจะมาจากเรตติ้งของรายการใหม่ด้วยเช่นกัน)

อุตสาหกรรมทีวีฟื้นตัวและ ธุรกิจขายสินค้าช่วยหนุน

ธุรกิจดิจิตัลทีวีเผชิญกับความยากลำบากในปี 2561 แต่คาดจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2562 เดือนม.ค.โดยปกติแล้วเป็นช่วงโลว์ซีซันสำหรับเม็ดเงินโฆษณาอีกทั้งในเดือนม.ค.ปีนี้ ลูกค้า/เอเจนซี่ตัดสินใจรอความชัดเจนจากการเลือกตั้งแต่หลังจากพระราชบัญญัติการเลือกตั้งประกาศในปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมาและคณะกรรมการเลือกตั้งได้ประกาศวันเลือกตั้ง (24 มี.ค.) เจ้าของแบรนด์ได้เริ่มใช้งบประมาณโฆษณามากขึ้น ดังนั้นเราคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาจะเพิ่มขึ้นในเดือนก.พ.-มี.ค.มากกว่าในเดือนม.ค. สำหรับธุรกิจขายสินค้า WORK ได้เปิดตัว Hello Shop ในเดือนธ.ค. ปี 2561 ทั้งนี้ยอดขายได้ปรับตัวสูงขึ้นจาก 4 แสนบาทต่อวันในเดือนธ.ค. มาอยู่ที่ 8 แสนบาทต่อวันในปัจจุบัน