'ประยุทธ์' ถามพรรคไหนไม่อยากเป็น 'นายกฯ-รัฐบาล'

'ประยุทธ์' ถามพรรคไหนไม่อยากเป็น 'นายกฯ-รัฐบาล'

“ประยุทธ์” วอนใครจะร่วมรัฐบาลให้ช่วย “ปฏิรูปประเทศ-การเมือง” ซัดการเมืองก็หวังสืบทอดอำนาจ ถามมีพรรคไหนไม่อยากเป็น “นายกฯ-รัฐบาล” ชี้ ปชต.ต้องไม่ละเมิดกม. ระบุ คนไทยชินกับรบ.อะไรก็ได้ แขวะทำให้ปชช.รักอย่างเดียวมันง่าย

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.62 เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างอารมณ์ดี โดยใช้เวลาตอบคำถามสื่อมวลชนเกือบ 40 นาที และทันทีที่มาถึงนายกฯ กล่าวกระเซ้าผู้สื่อข่าวว่า ทำไมสื่อคิดถึงหรืออย่างไร แต่ยอมรับว่าวันนี้ใช้เวลาในการประชุมนาน สงสัยสื่อต้องปรับเวลาการส่งข่าวใหม่ เพราะบางครั้งการประชุมครม.ใช้เวลานาน ตั้งแต่เช้าตนยังพูดไม่หยุดถึงตอนนี้ และพอเห็นคำถามของสื่อแม้เป็นคำถามที่น่าสนใจ แต่ต้องขอเวลารวบรวมสติของตัวเอง เพราะการเป็นนายกฯของประเทศนี้ ต้องไร้ความรู้สึก โมโหใครไม่ได้ วันนี้จึงลดบทบาทความเป็นทหารให้มากที่สุด ไม่ใช่เพื่อการเมือง แต่ตนก็ต้องห่วงสุขภาพตัวเอง ถ้าเครียดมากเดี๋ยวเป็นอะไรไปอีกก็จะลำบาก ครอบครัวก็จะลำบากไปด้วย

นายกฯ กล่าวถึงการปรับลุกส์ใหม่ผ่านสังคมโซเชียลมีเดียว่า หลายคนถ้ารู้จักตนจะรู้ว่าเวลาทำงานจะเป็นคนเอาจริงเอาจัง อาจไม่มีรอยยิ้มบ้าง แต่เวลาที่อิสระ อยู่กับเพื่อนฝูง โดยเฉพาะกับครอบครัวตนเป็นคนตลก หลายคนก็พยายามทำว่านายกฯ เป็นคนตลก ตนสามารถพูดตลกได้ และซีเรียสก็ได้ แต่ด้วยภาระหน้าที่บางครั้งก็เปลี่ยนไม่ทัน ขอความเห็นใจตนบ้าง สิ่งที่ตนค่อนข้างซีเรียสมีเรื่องเดียวคือการทำงานต้องเอาจริงเอาจัง เพราะอยู่มาตั้งแต่ปีแรก จนถึงปีสุดท้ายปัญหายังไม่จบสิ้น คิดว่าปีแรกจะดีขึ้น เนื่องจากปัญหาบางอย่างมีความซ้ำซ้อนแก้ไขยาก อาจเกิดจากความไม่เข้าใจ หรือบางอย่างเป็นเรื่องของความคุ้นเคย เรื่องกฎหมาย การปล่อยปะละเลย ตนค่อนข้างซีเรียส เพราะส่วนตัวถือว่า เรื่องของกฎหมาย และความมีระเบียบวินัยของคนในชาติเป็นสิ่งสำคัญขอให้เข้าใจกันบ้าง

“ผมเป็นคนอารมณ์ดี หัวเราะ ยิ้มง่าย เว้นแต่สื่อจะสร้างภาพลักษณ์ของผมอย่างไร เวลาผมหน้ายิ้ม สื่อไม่ชอบนำเสนอ ชอบเวลาที่ผมหงุดหงิดชี้ไม้ชี้มือ คนก็มองว่ากลายเป็นเผด็จการ”

นายกฯ กล่าวว่า การลงพื้นที่พบปะประชาชน เช่น ที่ตนไปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อ 11 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ข้อเท็จจริงตนอยากไปฟัง เพราะเป็นชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือต่างประเทศ หนังสือแปล อะไรเป็นประโยชน์กับการบริหารราชการแผ่นดินก็ชอบอ่าน อยางนายซาลิม เป็นคนมีชื่อเสียง แต่ละเดือนบรรยายเป็นร้อยครั้ง การพูดแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายที่สูง ก็ต้องขอบคุณนายซาลิมที่ให้กำลังใจ และมองเห็นศักยภาพประเทศไทย ทั้งนี้ การออกไปพบปะประชาชน ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนค่อนข้างเก็บตัว เพราะไม่อยากเป็นภาระทั้งในเรื่องของ ทีมรปภ.และยานพาหนะต่างๆ รวมทั้งไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย เพราะส่วนใหญ่ก็รู้จักตน ตนอยากไปนั่งทานกาแฟสักที เพื่อดูว่าการค้าขายเป็นอย่างไร แต่จะไปสักทีก็ลำบาก วางตัวก็ลำบาก ยืนยันไม่ใช่เป็นคนถือตัว ตนไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่ก็พยายามที่จะไปพบปะประชาชนทั้งในวันนี้และวันหน้า

“ผมไม่เคยสบายใจตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่ได้ปฏิเสธการทำงาน เพราะทั้งหมดถือเป็นความรับผิดชอบของผม ตลอด4-5ปีที่ผ่านมา แต่ยอมรับว่าบางครั้งก็ทำให้เครียด เนื่องจากมีหลายอย่างที่ต้องแก้ วันนี้เราพูดอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องทำทั้งหมด บางเรื่องต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะติดขัดข้อกฎหมาย และต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ทำอย่างไรจะลดความขัดแย้งให้มากที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมีคำแนะนำอย่างไรในการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีกฎหมาย มีพ.ร.บ. มีระเบียบบริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว ขอเพียงว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นนายกฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ตามอำนาจในการบริหารที่มีธรรมภิบาล และต้องขอความร่วมมือทุกคนที่จะมาร่วมรัฐบาล ให้ช่วยกันปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมือง ทำให้ประชาชนไม่เกิดความขัดแย้งเป็นพวกนี้พวกโน้น เป็นพวกนายกฯ หรือไม่ใช่พวกนายกฯ ทั้งหมดคือคนไทย ไม่เช่นนั้นพอการเมืองมีปัญหา ประชาชนก็จะมีปัญหาไปด้วย เพราะต่างคนก็รักชอบพอคนละอย่างคนละพวก วันนี้จึงต้องแก้ไขใหม่ทั้งหมดด้วยการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้ช่วยกันพิจารณาให้ดี ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่เป็น 1-2 ปีแล้วเลิก ทุกคนชอบของใหม่กันตลอด แล้วเริ่มใหม่กันมากี่ครั้งแล้ว ถอยหลังถอยหน้ากันอยู่แบบนี้ สาวนการจัดตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งค่อยว่ากัน ขึ้นอยู่กับประชาชนต้องการผู้นำแบบไหน ทุกคนก็รู้จักตนมาหมดแล้ว และรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรคทุกคนก็รู้จัก ก็ต้องไปดูว่าจะพิจารณาใคร พอใจใคร มีผลงานเป็นรูปธรรมอะไรบ้าง แต่ก็ขอให้ความเป็นธรรมกับตนด้วยว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่เป็นความรับผิดชอบของตนตั้งแต่ 22 พ.ค.57 คือทำอย่างไร ให้คนทุกกลุ่มทุกวัยทุกฝ่ายมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม และทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ทุกอย่างต้องมีแผนดำเนินการ และไม่สามารถทำให้เสร็จวันเดียวได้ บางอย่างใช้เวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี การเข้ามาทำงานของตนนั้นเพื่อแก้ปัญหาเชิงบูรณาการ หลายครั้งใช้ ม.44 ถ้าไม่เกิดผลกระทบกับกฎหมายเดิมมากนัก แต่ทุกอย่างตนคำนึงถึงประเทศชาติเสมอ วันนี้ประชาชนมีความหวังว่า ทำอย่างไรหลังเลือกตั้ง ประเทศจะสงบสุข มั่นคง เศรษฐกิจดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการลงไปช่วยพรรคพปชร.หาเสียงว่า ก็ต้องดูข้อกฎหมายของกกต. แม้จะบอกว่าไปได้ แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง ตนในฐานะที่เป็นตัวเลือกก็ต้องพิจารณาว่าจะทำอะไรได้แค่ไหน เพราะไม่อยากให้มีข้อขัดแย้งอีก ไม่อยากให้มีการฟ้องร้องและปัญหาในอนาคต ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีวันจบหรอกประเทศไทย ช่วงนี้ต้องลดราวาศอกกันบ้าง ถ้าจับจ้องกันหมดทุกเรื่อง ก็จะเป็นอยู่แบบเดิม สิ่งดีๆจะไม่เกิดขึ้น และที่เห็นทุกวันนี้ การออกหน้าสื่อทุกช่องล้วนเป็นความขัดแย้งทั้งสิ้น ยืนยันว่าตนจะไม่ไปขัดแย้งกับใคร หน้าที่ของตนคือทำให้ประเทศชาติปลอดภัย

นายกฯ กล่าวถึงการส่งบทกลอนไปยังเวทีปราศรัยพรรคพปชร. ที่จ.นครราชสีมา ว่า เป็นสิทธิของตนที่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนอยู่แล้ว มีการแต่งกลอนนู้นนี่ไปเรื่อย ใครอยากเอาไปใช้ประโยชน์อะไรก็ได้ ตนทำในฐานะนักกลอนคนหนึ่ง จะไม่ให้ทำอะไรเลยหรืออย่างไร ทีคนอื่นทำนั่นทำนี่โครมๆ ไม่เห็นสื่อไปว่ากันบ้าง จ้องแต่นายกฯ อย่างเดียว วันนี้ก็พยายามแยกบทบาทของตัวเองระหว่างหน้าที่นายกฯ และผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ยอมรับว่ายากเหมือนกัน โดยเฉพาะการเป็นนายกฯ ของประเทศนี้ “เมื่อก่อนมีแบบนี้หรือไม่ทั้งหมดก็ออกไปหาเสียงกันโครมๆ ไม่เห็นมีใครว่า ในอดีตก็ทำกันมาโดยตลอด นายกฯที่มาจากการเมือง ออกไปหาเสียงกันโครมๆ ผมยังเคยต้องไปดูแลเขาเลยตอนเป็นทหาร”

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไนใกล้โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง โพลยังหนุนในนั่งนายกฯ ต่อ แต่คะแนนพปชร.ยังตามพรรคอื่น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันสุดท้ายแต่ก็ยังไม่ท้ายสุด วันนี้จะโค้งสุดท้ายอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ขอขอบคุณที่โพลยังหนุนให้นั่งนายกฯ ต่อ ขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน แต่ก็อยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า เพราะโพลก็คือโพล แต่ก็ต้องขอบคุณรู้ว่าทุกคนมีจิตที่ปราถนาดี ขอให้มองประเทศเป็นหลัก ชอบผม แต่ขอให้รักประเทศชาติมากกว่า เพราะสำหรับผมแล้ว สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องมาเป็นหลัก และประชาชน คือจิตที่มั่นของผมในการทำงานตลอดไป ถ้ายังได้มีโอกาสทำงานก็แค่นี้ ดังนั้น ช่วงนี้ผมถึงต้องพยายามทำตัวให้เครียดน้อยลง ไม่เช่นนั้นเส้นเลือดในสมองแตกตายไปแล้ว ถ้าไปมัวฟังการวิจารณ์ตรงนั้นตรงนี้ ฟังหาเสียงมาด่าผมบ้าง ผมก็ไม่เคยไปด่าตอบใครสักคน ก็ขออย่าไปให้ความสนใจมากนัก ถ้าผมสนใจทุกเรื่องปานนี้ผมตายไปแล้ว วันข้างหน้าเขามีกฎหมายอยู่แล้ว ไม่อยากให้ใช้

“วาทกรรมสืบทอดอำนาจ เรื่องนี้ยอมรับว่ามันพูดยาก การสืบทอดอำนาจทางการเมืองเขาก็ทำกันอยู่ ไม่เช่นนั้นทุกคนจะอยากเป็นนายกฯหรือ มีพรรคการเมืองใดไม่อยากเป็นนายกฯ ไม่อยากเป็นรัฐบาลบ้าง ก็สืบทอดอำนาจทางการเมืองเหมือนกันนั้นแหล่ะ ของผมที่มามันอาจจะคนละแบบ อย่าลืมว่าผมเป็นนายกฯ ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ผมก็เป็นนายกฯไปแล้ว ผมไม่ใช่หัวหน้าคณะปฏิวัติ รัฐประหารเสียเมื่อไหร่ ถ้าวันนั้นไม่มีรัฐธรรมนูญออกมา ผมไม่ทำให้เรียบร้อย หยุดสถานการณ์ไม่ได้ ผมก็เป็นกบฎสิครับ เพราะฉะนั้นมันจบไปแล้วตั้งแต่ตรงโน้นจากนั้นผมก็เป็นนายกฯ ตามกฎหมาย อย่าไปย้อนแย้งกลับไปกลับมา มันจะไม่จบเสียที ต้องดูว่า ผมเป็นนายกฯ แล้วทำอะไรไปบ้าง ทำความเสียหายอะไรให้กับประเทศบ้าง ที่ไม่ได้เป็นไปตามวาทกรรมที่พูดกันออกมา ผมมีผลงานเยอะแยะ หากให้พูดก็คงพูดไม่หมด แล้วลองถามคนที่พูดว่าผมเป็นเผด็จการ ถามดูว่า ตั้งแต่เข้ามา ประชาชนผู้ประกอบการเดือดร้อนอะไรหรือเปล่า ทุกคนยังดำเนินชีวิตตามปกติ แม้แต่การประท้วงหลายครั้งก็สามารถทำได้ เว้นแต่บางคนที่ละเมิดกฎหมายที่อาจส่งผลกระทบทั้งการละเมิดกฎหมายการชุมนุม กฎหมายจราจรทำให้ประชาชนเดือดร้อน อย่าลืมว่าการจะทำประชาธิปไตยอะไรก็ตามต้องไม่ละเมิดกฎหมาย อย่าอ้างประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญอย่างเดียวไม่ได้ รัฐบาลต่อไปต้องเป็นแบบนี้ เราเคยชินกับรัฐบาลแบบที่อะไรก็ได้ การทำอะไรให้ประชาชนรักอย่างเดียวมันง่าย” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงาน 4-5 ปีที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาของตนคือประชาชน ในทางการเมือง นายกฯ คือผู้รับอาสาเข้ามาทำงานด้วยความเต็มใจที่อยากจะมา แต่ตนมาเพราะความจำเป็น ต้องแยกให้ออก ว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น อย่าเพิ่งลืมก่อน 22 พ.ค.57 เข้าทำเนียบฯ กันมาได้ง่ายหรือ การค้าขายตามท้องถนนทำได้หรือไม่ ปัญหาการจราจรติดขัด อย่าเอาทุกอย่างมาปนกัน ถ้าตนทำงานมาแล้วไม่ดีเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เศรษฐกิจก็แย่ลง ก็เป็นอีกเรื่อง แต่วันนี้เศรษฐกิจและจีดีพีดีขึ้นทุกตัว เว้นแต่ปัญหารายได้น้อยที่ต้องปรับโครงสร้างอีกหลายเรื่อง อยากให้เข้าใจความตั้งใจของตน ต้องยอมรับว่าปัญหาหลายอย่างแก้ยาก แต่ตนก็จะทำต่อ ถ้ามีโอกาสก็จะทำให้