ตัดสิทธิ์การเมืองพ่อลูก 'ติยะไพรัช' 51-62

ตัดสิทธิ์การเมืองพ่อลูก 'ติยะไพรัช' 51-62

การถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึง10 ปีของ "มิตติ ติยะไพรัช" เป็นการย่ำรอยผู้เป็นพ่อ "ยงยุทธ" ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีในปี 51 ในคดีทุจริตเลือกตั้ง

การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ เนื่องจากการยื่นบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายขัดมาตรา 92 ของพรป.พรรคการเมือง กรณีเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.62) และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 13 กรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งหนึ่งในผู้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีนายมิตติ ติยะไพรัช บุตรชายของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รวมอยู่ด้วย

ชื่อของ “ฮั่น-มิตติ ติยะไพรัช” เป็นที่รู้จักดีในวงการฟุตบอล เขาเป็นคนก่อตั้งสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2552 และมีตำแหน่งเป็นประธานสโมสร ในขณะที่เขามีอายุเพียง 23 ปี เท่านั้น ถือว่าเป็นดาวรุ่งคนหนึ่งในวงการฟุตบอล เขาจบปริญญาโท จากคณะเศรษฐศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และก้าวย่างเข้าสู่การเมืองเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ แต่แล้วอนาคตทางการเมืองกลับดับวูบลงเมื่อถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองถึง 10 ปี

การถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองของ”มิตติ” ว่าไปแล้ว.ก็”ย่ำรอย”ผู้เป็นพ่อ คือนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งในปี 2551 คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติให้”ใบแดง” กับนายยงยุทธและส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน, ส.ส.แบบสัดส่วน เนื่องจากพบว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งที่จังหวัดเชียงราย โดยมีนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน เป็นพยานคนสำคัญ

คดีทุจริตเลือกตั้งนี้เกิดจากนายวิจิตร ยอดสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย นำหลักฐานเป็นวีซีดี กล่าวหาว่านายยงยุทธเรียกกำนัน 10 คน ในอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นำโดยนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ เดินทางไปพบที่กรุงเทพฯ ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 และเข้าพักที่โรงแรมเอสซีปาร์ค นายยงยุทธขอให้กำนันช่วยเหลือตนและน้องสาว ตลอดจนนายอิทธิเดช ผู้สมัคร เขต 3 จากนั้นคนสนิทของนายยงยุทธได้มอบเงินให้กำนันคนละ 20,000 บาท นายยงยุทธได้ออกมาตอบโต้ตลอดเวลาว่าเป็นการจัดฉาก ถูกสร้างพยานหลักฐานเท็จ ด้าน กกต. กล่าวว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับซีดีเพราะมีพยานบุคคลที่ยืนยันชัดเจน

วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง วินิจฉัยว่ากรณีที่นายยงยุทธให้เงินกับกำนัน อ.แม่จัน ทั้ง 10 คน เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจริงตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ จึงพิพากษายืนตามมติของ กกต. และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายยงยุทธเป็นเวลา 5 ปี

และจากการที่นายยงยุทธ ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนโดนใบแดง กกต.จึงได้ดำเนินการต่อ โดยสรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุด เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เสนอยุบพรรคพลังประชาชน

และการที่นายยงยุทธ โดน “ใบแดง” นี่เอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคพลังประชาชนถูกยุบในเวลาต่อมา โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่าการที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรค กระทำการฝ่าฝืน พรป. เลือกตั้ง ส.ส.ฯ ที่มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต และได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชาชนและคณะกรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย